บริติช เคานซิล ร่วม สกอ./สกว. มอบทุนวิจัย 30 ล้าน ขับเคลื่อน 10 อุตฯเป้าหมาย

บริติช เคานซิล ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดงานCafé Scientifique  งานคาเฟ่จิบกาแฟสนทนางานวิจัย และเปิดรับสมัครทุนวิจัยไทย-อังกฤษ รวมมูลค่า 30 ล้านบาท โดยการสนับสนุนจากโครงการทุนวิจัยนิวตัน (Newton fund) พร้อมเผยแพร่ 6 งานวิจัยที่ได้รับทุนจากโครงการในปีที่ผ่านมา ขับเคลื่อนนโยบาย  10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

บริติช เคานซิล ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ดำเนินโครงการ Institutional Links ภายใต้โครงการทุนวิจัยนิวตันหรือ Newton Fund เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างกลุ่มนักวิชาการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษาในประเทศไทย และใน  สหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังเป็นการขยายงานวิจัยสู่ภาคปฏิบัติที่ตอบสนองต่อปัญหาสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งโครงการ Institutional Links นี้ได้ดำเนินการเป็นปีที่ 4 อย่างต่อเนื่อง และกำลังเปิดรับสมัครผู้สนใจชิงทุนวิจัยรวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

ภายในงาน ได้มีการเผยแพร่ 6 ผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนโดยโครงการฯ สู่สาธารณชน ในบรรยากาศที่เป็นกันเองด้วยรูปแบบของงานคาเฟ่หรือร้านกาแฟ ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในการใช้วิทยาศาสตร์และงานวิจัยพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และยกระดับงานวิจัยไทยสู่สากล

งานวิจัยทั้ง 6 หัวข้อ ได้แก่

  • กระดาษแบบพกพาเพื่อการตรวจหาสารปนเปื้อนจากอุตสาหกรรมอาหาร โดย ศ.ดร.ธีรยุทธ วิไลวัลย์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • การพัฒนาเครือข่ายงานวิจัยด้านสุขภาพกุ้งเพื่อลดช่องว่างและเชื่อมโยงในการทำงานของ ภาควิชาการ ภาคนโยบาย และภาคเกษตรกร โดย ดร.กัลยาณ์ ศรีธัญญลักษณา จากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC)
  • โครงการยกระดับระบบนิเวศผู้ประกอบการในประเทศไทย โดย ดร.วรรณา เต็มสิริพจน์ จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • โครงการวิจัยการวางแผนเพื่อเมืองนิเวศน์ และสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความพลวัตของภูมิอากาศ โดย ผศ.ดร.บุญอนันต์ นทกุล จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • การเข้าสู่เกษตรกรรมความแม่นยำสูง โดย รศ.ดร.ปณต ถาวรังกูร จาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

นายแอนดรูว์ กลาส ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่สองที่ บริติช เคานซิล  จัดงาน Café Scientifique ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อต่อยอดการมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงงานวิจัยกับสังคม ผู้คนและสื่อมวลชน ในปีนี้ภายใต้โครงการทุนวิจัย Newton Fund Institutional Links เราจะมอบทุนมูลค่า 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการทำวิจัยระหว่าง ไทยและสหราชอาณาจักรต่อไป เพื่อยกระดับงานวิจัยไทย-สหราชอาณาจักร และพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศร่วมกัน

รศ.ดร.นพ.พงศกร ตันติลีปิกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านเครือข่ายวิจัยนานาชาติและวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สกว. กับรัฐบาลอังกฤษในการสนับสนุนทุน Institutional Links ภายใต้โครงการ Newton UK –Thailand Research and Innovation Partnership Fund นี้ จะช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม โดยเฉพาะนักวิจัยไทยที่ถือได้ว่าเป็นการสนับสนุนให้เกิดการสร้างเครือข่ายกับนักวิจัยในอังกฤษ เพื่อการทำวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ด้านการวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมร่วมกัน ซึ่งจะช่วยยกระดับนักวิจัยและผลงานวิจัยของไทยให้อยู่ในระดับสากล

นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวเสริมว่า ทุนวิจัยโครงการ Institutional Links มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการเรียนการสอน การทำวิจัยและนวัตกรรมของอาจารย์และนักวิจัย เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0

สำหรับรายละเอียดการเปิดรับสมัครโครงการวิจัย เพื่อชิงทุนมูลค่ารวม 30 ล้านบาท ผู้สมัครจะต้องเป็นนักวิจัยที่มีประสบการณ์ในการดำเนินโครงการวิจัยร่วมระดับนานาชาติ และเลือกหน่วยงานสนับสนุนไทยที่ต้องการสมัครขอทุนดังต่อไปนี้

  1. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) โดยผู้สมัครต้องเป็นนักวิจัยในมหาวิทยาลัยสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และหัวข้อวิจัยต้องแสดงถึงแผนการส่งเสริมร่วมมือที่ยั่งยืน และสนับสนุนมีส่วนร่วมกับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ ยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Automotive) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยว      เชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) การแปรรูปอาหาร (Food for the Future) หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม (Robotics) การบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics)  เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) ดิจิทัล (Digital) และ การแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
  2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยผู้สมัครต้องเป็นนักวิจัยที่ไม่ดำรงตำแหน่งบริหารระดับอาวุโส คณบดีขึ้นไป และมีหัวข้อวิจัยภายใต้กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ Big Data การพัฒนาการศึกษาเชิงนวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสังคม การปกครอง เทคโนโลยีด้านอาหาร สุขภาพ และพลังงาน