DPU ผนึกพลังอาจารย์-ศิษย์เก่า ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานไทยสู่อนาคต

DPU ผนึกพลังอาจารย์-ศิษย์เก่า ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานไทยสู่อนาคต ในงาน Roads & Traffic Expo Thailand 2025

เมื่อวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์ 2025 วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)ข้าร่วมงานเวทีเสวนาระดับชาติ Roads & Traffic Expo Thailand 2025 Hall EH 98 ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ เพื่อตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้นำทางวิชาการด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย พร้อมเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชนในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน โดยเชิญคณาจารย์ นักวิชาการ และศิษย์เก่าจากหลากหลายอุตสาหกรรม มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่าย เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาประเทศให้เติบโตและเส้นทางอาชีพที่ก้าวไกลในอนาคต

ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงานยังมี Highlight สำคัญคือ เวทีเสวนาในหัวข้อ “Future Vision and Strategic Initiatives for Thailand’s Infrastructure” ซึ่งจัดในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากทั้งภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม มาร่วมอภิปรายแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยอย่างยั่งยืน อาทิ “อาจารย์ศรัจจันทร์ พลอยบุศต์” และ “ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล” จาก มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)

*** เทคโนโลยีและนวัตกรรม แนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไทยในยุคดิจิทัล ***

อาจารย์ศรัจจันทร์ พลอยบุศต์ อาจารย์วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะอาจารย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย และความสำคัญของเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขนส่งโดยระบุว่า ปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI, Big Data, หรือ IoT ที่สามารถเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจราจร เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน และลดปัญหาการจราจรติดขัด

สำหรับบทบาทของ แนวคิด Smart Infrastructure ที่กำลังถูกนำมาใช้ในหลายประเทศ ซึ่งเป็นการผสมผสาน ระบบขนส่งอัจฉริยะ (ITS – Intelligent Transportation Systems) และ เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการถนนและการขนส่งสาธารณะ

ในอนาคต เราจะเห็นโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถ ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น เช่น ถนนที่สามารถตรวจจับปริมาณรถยนต์และปรับระบบไฟจราจรอัตโนมัติ หรือแม้แต่โครงการทางพิเศษที่ใช้ระบบ AI เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด”

นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเด็นที่ อาจารย์ศรัจจันทร์ ย้ำคือ การพัฒนาโครงข่ายถนนในเมืองและชนบทให้เชื่อมโยงกันมากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการพัฒนาถนนและสะพานเท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลักและพื้นที่ชนบทให้มีการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งได้อย่างทั่วถึง

อาจารย์ศรัจจันทร์ ยังกล่าวเสริมอีกว่างาน Roads & Traffic Expo Thailand 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งจะช่วยกำหนดแนวทางในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยในระยะยาวที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

*** DPU มุ่งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานไทยสู่อนาคตยั่งยืน ***

บุคลากรจาก DPU ไม่เพียงแต่นำเสนอองค์ความรู้ และงานวิจัยที่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยีโลก แต่ยังมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์เพื่อ สร้างระบบขนส่งทางถนนและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน โดย ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล จาก มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้กล่าวเสริมว่า “อนาคตของโครงสร้างพื้นฐานไทยขึ้นอยู่กับการบูรณาการเทคโนโลยี และแนวคิดด้านการพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาด งานเสวนานี้จะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และหาแนวทางร่วมกัน”

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันศิษย์เก่าให้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรม และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนให้ศิษย์เก่านำความรู้และประสบการณ์จากมหาวิทยาลัยไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง และเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในศิษย์เก่าที่เข้าร่วมงานและออกบูธในปีนี้ ได้แก่ นางสาวนวพร มากมี ซึ่งเป็นบัณฑิตจากวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่ กองธุรกิจโซลูชั่นพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) โดยได้ใช้เวทีนี้ในการนำเสนอแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างเครือข่ายร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรม

โครงสร้างพื้นฐานไทยไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน นวพร ระบุ พร้อมเน้นย้ำว่า DPU ได้ปลูกฝังแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเชื่อมโยงภาคธุรกิจ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เธอมีความพร้อมในการนำเสนอแนวคิดด้านโซลูชันพลังงานอัจฉริยะสำหรับระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน“

วันนี้มีโอกาสนำความรู้จาก DPU มาใช้จริงในสายงานด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน และยิ่งได้เข้าร่วมออกบูธในงานระดับประเทศแบบนี้ เป็นโอกาสที่ดีในการเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม แลกเปลี่ยนแนวคิด และช่วยผลักดันให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย” นวพร กล่าว

ขณะที่ ดร.คุณากร วิวัฒนากรวงศ์ รองคณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวว่า การเข้าร่วมออกบูธในงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงโอกาสในการนำเสนอเทคโนโลยี หรือโซลูชันจากภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสให้ศิษย์เก่า DPU ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางของโครงสร้างพื้นฐานไทยในอนาคต