‘เจ้าท่าฯ’ เผยโฉม ‘เรือหางยาวไฟฟ้า’ ต้นแบบนำร่องให้บริการตลาดน้ำดำเนินสะดวก พร้อมรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด-19 คลี่คลาย

วิทยาอธิบดี จท. ลงพื้นที่ .ราชบุรี ทดลองนั่งเรือหางยาวไฟฟ้าต้นแบบตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยกระดับการท่องเที่ยวสีเขียว ยุคท่องเที่ยวสีเขียววิถีใหม่ ปลอดภัยไร้มลพิษอย่างยั่งยืน แนะผู้ประการชุมชนหันมาใช้ระบบไฟฟ้าวางเป้า 8-10 ลำ รับนักท่องเที่ยวหลังโควิด-19 คลี่คลาย พร้อมลุยตรวจมาตรฐานความปลอดภัยของแพ .กาญจนบุรี

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี พร้อมคณะ เพื่อตรวจติดตามโครงการต่อเรือไฟฟ้าต้นแบบ เรือโดยสารหางยาวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมทดลองนั่งก่อนใช้งานจริงตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการ เมื่อวันที่ 29 .. 2562 ที่ผ่านมา เพื่อรับทราบปัญหาของชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ มีการวิ่งเร็ว และมีเสียงดัง ประกอบกับมีควันดำ ส่งผลให้เกิดมลพิษทางเสียง อากาศและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์นั้น

ทั้งนี้ จึงได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สำนักมาตรฐานเรือ และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครปฐม ร่วมกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพด้านการต่อเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้แก่ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด และชุมชนในท้องถิ่น ร่วมกันดำเนินการต่อเรือโดยสารหางยาวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้งานในคลองดำเนินสะดวก ให้เป็นเรือต้นแบบที่ลดมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้คนในชุมชนได้นำไปเป็นทางเลือกในการต่อเรือใหม่ หรือเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลเก่ามาใช้มอเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทน

พร้อมทั้งได้จัดทำร่างข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการตรวจเรือโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้เหมาะสมกับเรือหางยาว ที่จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งเข้ากระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณา โดยนำร่องการพัฒนาเรือหางยาวท่องเที่ยวให้เป็นเรือไฟฟ้าต้นแบบที่ใช้งานได้จริงและไม่เกิดเสียง หรือมลพิษทางอากาศ ลดPM 2.5 โดยโครงการดังกล่าว มีเรือจำนวน 3 ลำ เป็นเรือไม้ 2 ลำ และเรือจากภาคเอกชน ประกอบขึ้นด้วยอลูมิเนียม1 ลำ ซึ่งชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง วิ่งได้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและสามารถชาร์จไฟที่บ้านได้

นายวิทยา กล่าวต่ออีกว่า ตนได้มอบนโยบายให้แนะนำผู้ประกอบการและชุมชน เปลี่ยนมาติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น 8-10 ลำ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าภายหลังจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คลี่คลายลง จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง เป็นการท่องเที่ยวสีเขียววิถีใหม่ปลอดภัยไร้มลพิษอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกัน ตนยังได้เดินทางไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี โดยได้ฟังบรรยายสรุป ข้อมูลหน่วยงานข้อมูล แม่น้ำ ลำคลองในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี ได้ตรวจสอบ และจดทะเบียนแพ โดยมีจำนวนแพจอด ทั้งหมดในจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 1,200 หลังดำเนินการออกใบอนุญาตแล้ว 651 หลัง ในส่วนของแพลากจูง มีจำนวน 917 หลัง ดำเนินการยื่นเอกสารแล้ว 109 หลัง

จากนั้น ได้ลงพื้นที่ตรวจแพในเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ ออกตรวจแพทุกลำ ก่อนถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ให้ได้มาตรฐานที่ถูกต้องตามกฎข้อบังคับของกรมเจ้าท่า และมีสภาพพร้อมต่อการใช้งาน หากพบแพที่ไม่ได้มาตรฐานให้รีบดำเนินการแก้ไข และสั่งห้ามใช้แพโดยเด็ดขาด และสั่งการให้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณแพ เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่า ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย