เปิดฉาก! ‘แลนด์บริดจ์’ เชื่อมขนส่งอ่าวไทย-อันดามัน ด้าน สนข.จ้างศึกษาฯ งบ 67 ล้าน ‘ศักดิ์สยาม’ ปธ.ลงนามพรุ่งนี้ (1 มี.ค.)

คมนาคมเปิดฉากแลนด์บริดจ์เชื่อมขนส่งอ่าวไทยอันดามัน ศักดิ์สยามนำทัพประธานลงนาม สนข. จ้างศึกษาฯ  พรุ่งนี้ (1 มี.. 64) งบ 67 ล้าน หวังลุยขยายขีดความสามารถดันเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลก คาดศึกษาแล้วเสร็จภายใน 1 .. 66 พร้อมปักหมุด 2 ท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ ทำเลระนองชุมพรเชื่อมโครงข่ายรถไฟมอเตอร์เวย์

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 มี.. 2564) เวลา 13.30 . นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเป็นประธานพิธีลงนามสัญญาจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้นประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริดจ์) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ

ด้านรายงานข่าวจาก สนข. แจ้งว่า สำหรับการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์นั้น ใช้วงเงินค่าจ้างตามสัญญา 67.81 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาในการศึกษา 30 เดือน หรือเริ่มต้นสัญญาวันที่ 2 มี.. 2564-วันสิ้นสุดสัญญาวันที่ 1 .. 2566 โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ที่จะมาดำเนินการศึกษา ประกอบด้วย บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์จำกัด (มหาชน), บริษัท ดีเคด คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ จำกัด, บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท ยูไนเต็ด แอนนาลิสต์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัทดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด

ทั้งนี้ การดำเนินการโครงการแลนด์บริดจ์ ถือเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว ทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศ ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่เดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ มุ่งเน้นความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก พร้อมมุ่งที่การลงทุนขนาดใหญ่ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ นอกเหนือจากการดำเนินโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

นอกจากนี้ โครงการแลนด์บริดจ์ ยังถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะช่วยขยายขีดความสามารถการพัฒนาทางเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ สามารถเชื่อมประเทศไทย กับกลุ่มประเทศในอาเซียน จีน อินเดีย ตลอดจนเชื่อมโยงประเทศกลุ่มประเทศตะวันออกไกล เข้ากับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และสภาพยุโรปให้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนไทยสู่เวทีการค้าโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการศึกษาโครงการดังกล่าวนั้น จะคำนึงถึงปริมาณของสินค้าที่เดินทางผ่านไทย เพื่อให้ไทยได้รับประโยชน์จากการขนส่งสินค้าข้ามประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า เส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือมีโอกาสผ่านไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบมะละกา แถบบริเวณภาคใต้ของไทยที่ทำให้สิงคโปร์ได้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวขณะที่ไทยไม่ได้รับประโยชน์ในการขนส่งสินค้าผ่านแนวเส้นทางดังกล่าว อีกทั้ง ยังพบว่า การขนส่งสินค้าบริเวณดังกล่าว มีปัญหาการสัญจรทางน้ำติดขัด และการขนส่งสินค้าล่าช้า เพราะเป็นเส้นทางที่อ้อม เนื่องจากปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าข้ามประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้า อย่างไรก็ตาม ถ้าสามารถดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้นในไทยได้ จะทำให้ไทยได้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้ามากขึ้น

ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบการพัฒนาแลนด์บริดจ์นั้น จะประกอบไปด้วย ท่าเรือพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบริเวณปลายทั้ง 2 ด้านของฝั่งทะเล .ระนอง และ .ชุมพร โดยมีการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าเพื่อเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 แห่งด้วยทางรถไฟ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) คู่ขนานบนเส้นทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินกับภาคประชาชน ซึ่งในขณะนี้ กรมทางหลวง (ทล.) อยู่ระหว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อออกแบบโครงการมอเตอร์เวย์เช่นกัน

รายงานข่าวจาก สนข. ยังระบุอีกว่า ในการศึกษาโครงการดังกล่าว มีขั้นตอนการดำเนินงาน 6 ขั้นตอน ประกอบด้วย1.งานคัดเลือกที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ที่ .ชุมพร และ .ระนอง 2.งานศึกษาเปรียบเทียบทางเลือกโครงการในรูปแบบต่างๆ 3.งานออกแบบแนวคิด (Conceptual Design) ของโครงการแลนด์บริดจ์ ทั้งในส่วนของท่าเรือ ทางรถไฟและมอเตอร์เวย์ 4.งานศึกษาความเหมาะสมโครงการทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 5.งานศึกษารูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) และทางเลือกในการลงทุนโดยภาคเอกชนมาร่วมลงทุน (PPP) และ 6.การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนตลอดระยะเวลาโครงการ เพื่อจะนำไปสู่การทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) ในขั้นต่อไป

ทั้งนี้ ในการดำเนินการนั้น จะมีการจัดทำแบบในการออกแบบเบื้องต้น (Preliminary Design) ของท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ทั้ง 2 แห่ง ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับ EHIA ตลอดจนจัดทำรายงานการวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติ (...) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน .. 2562 เพื่อให้มีรายละเอียดเพียงพอสำหรับการดำเนินการประกวดราคาในลำดับต่อไปด้วย สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการฯ รัฐบาลจะลดการใช้งบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญมาร่วมพัฒนาโครงการด้วยและจะมีการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง