ขสมก.เตรียมชง ‘สภาพัฒน์ฯ’ เคาะแผนฟื้นฟูฯ ภายใน มี.ค.นี้ ด้าน ‘ขนส่งทางบกกลางฯ’ ไฟเขียวราคาตั๋ว 3 ประเภท

ขสมก. เร่งทบทวน-ทำแผนลงทุนแผนฟื้นฟู ขสมก. เตรียมชง “สภาพัฒน์ฯ” เคาะภายใน มี.ค.นี้ ปักหมุดรอตอบกลับก่อนเสนอ ครม. ด้าน “ขนส่งทางบกกลางฯ” ไฟเขียวค่าโดยสารตามแผนฟื้นฟูฯ 3 ประเภท “ตั๋วเที่ยว15บาท-ตั๋วรายวัน30บาท-ตั๋วเฉพาะกลุ่ม” เชื่อประชาชนกว่า 72% ได้รับประโยชน์ ยัน ขสมก.ประกอบกิจการได้-เติบโตปีละ 3% พร้อมเห็นชอบหลักการปฏิรูปเส้นทางของ ขสมก. 108 เส้นทาง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องอัตราค่าโดยสารของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (ด้านขนส่ง) เป็นประธานฯ เพื่อกำหนดมาตรฐานอัตราค่าโดยสาร ที่จะจัดนำมาใช้ในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล โดยจะกำหนดอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง หรือตามกิโลเมตร (กม.) ประกอบกับการคาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร ก่อนที่จะคำนวณเป็นค่าโดยสารที่แท้จริง

ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง พิจารณาและกำหนดมาตรฐานเรื่องอัตราค่าโดยสารแล้วนั้น ขสมก.จะรวบรวมข้อมูล พร้อมด้วยจัดทำแผนลงทุนเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. (สภาพัฒน์ฯ) พิจารณาตามกระบวนการ ซึ่งคาดว่า ขสมก. จะส่งรายละเอียดดังกล่าวไปยังสภาพัฒน์ภายใน มี.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า จะสามารถเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เมื่อใดนั้น จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภาพัฒน์ฯ ว่า จะตอบกลับมายังกระทรวงคมนาคมหรือแล้วเสร็จเมื่อไหร่

ด้านนายสรพงศ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง วานนี้ (24 ก.พ. 2564) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบการเก็บอัตราค่าโดยสารตามที่แผนฟื้นฟู ขสมก. กำหนด (รถโดยสารปรับอากาศ) แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.ตั๋วรายเที่ยว ราคา 15 บาท/เที่ยว 2.ตั๋วรายวัน (One Day Pass) ราคา 30 บาท/วัน และ 3.ตั๋วเฉพาะกลุ่ม อาทิ กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการที่ระบุไว้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสาร 3 ประเภทดังกล่าวนั้น จะมีผลบังคับใช้ เมื่อ ครม. มีมติอนุมัติ ขณะที่อัตราค่าโดยสารตามระยะทางในปัจจุบัน ที่จัดเก็บ 15-20-25 บาทนั้น ก็ยังจัดเก็บตามเดิมอยู่

ขณะเดียวกัน จากข้อมูลผลการศึกษาของ ขสมก. ยังได้ระบุไว้ว่า เมื่อมีการจัดเก็บค่าโดยสารตามแผนฟื้นฟู ขสมก. จะมีประชาชนที่ได้รับประโยชน์ในการจ่ายค่าโดยสารที่ถูกลงประมาณ 72% โดยเทียบกับการเดินทางตามระยะทาง เนื่องจากในแผนฟื้นฟูได้กำหนดต้นทุนพลังงานการเดินรถของรถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้า (EV) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.63 บาท/กิโลเมตร (กม.) ในส่วนของรถโดยสารเชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) จะอยู่ที่ 10 บาท/กม. ทั้งนี้ ขสมก. ยืนยันว่า หากดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ขสมก. จะสามารถเดินหน้าประกอบกิจการได้ และจะมีอัตราการเติบโตปีละ 3% อย่างไรก็ตาม การใช้อัตราค่าโดยสารตามแผนฟื้นฟู ขสมก.ดังกล่าว ถือเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน

นายสรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ยังมีมติเห็นชอบในหลักการการปฏิรูปเส้นทางของ ขสมก. จำนวน 108 เส้นทาง ภายใต้แผนฟื้นฟู ขสมก. เพื่อช่วยบรรเทาและแก้ปัญหาจราจรติดขัด รวมทั้งให้เส้นทางการเดินรถไม่ทับซ้อนกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุมในครั้งนี้นั้น ขสมก. จะต้องไปรวบรวมและทบทวนแผนฟื้นฟู ขสมก. จากนั้นจะรายงานให้คณะกรรมการนโยบายฯ ขนส่งทางบกกลาง โดยมีนายศักดิ์สยาม เป็นประธานพิจารณา ก่อนที่ ขสมก. จะเสนอไปยังสภาพัฒน์ฯ และ ครม.ต่อไป