‘แขวงทางหลวงพิจิตร’ สนองนโยบาย ‘ศักดิ์สยาม’ เทงบ 45 ล้าน ลุยติดแบริเออร์หุ้มยางพารา 3 เส้นทาง ระยะทาง 5.56 กม.

“แขวงทางหลวงพิจิตร” เทงบ 45 ล้าน ลุยติดแบริเออร์หุ้มยางพารา 3 เส้นทาง 5.56 กม. สนองนโยบาย “ศักดิ์สยาม” พร้อมเสริมแกร่งความปลอดภัย หนุนขนส่งเชื่อมนครสวรรค์-เพชรบูรณ์ กระตุ้นท่องเที่ยวสักการะบุญหลวงพ่อเงิน

รายงานจากแขวงทางหลวงพิจิตร กรมทางหลวง (ทล.) ระบุว่า แขวงฯ พิจิตรได้ดำเนินโครงการนำยางพารามาใช้ เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยการใช้กำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (Rubber Fender Barrier : RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) โดยนำร่องนำยางพารามาใช้ทำกำแพงคอนกรีต (แบริเออร์) หุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติบนโครงข่ายถนนทางหลวงที่อยู่ในความรับผิดชอบจำนวน 3 เส้นทาง ระยะทางรวม 5.56 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณ 45 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าติดตั้งแบริเออร์คอนกรีต 33 กว่าล้านบาท และค่านำแผ่นยางธรรมชาติมาหุ้มแบริเออร์คอนกรีต 11 กว่าล้านบาท

สำหรับ 3 เส้นทางดังกล่าว ได้แก่ 1.ทล. 113 ตอน เขาทราย-ฆะมัง ตอน 1 ช่วง กม.90+675-92+325 ระยะทาง 1,650 เมตร 2.ทล.113 ตอน เขาทราย-ฆะมัง ตอน 2 ช่วง กม.92+975-96+209 ระยะทาง 2,790 เมตร ซึ่งทั้ง 2 ช่วงนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร และ 3.ทล. 1067 ตอน หอไกร-สี่แยกโพธิ์ไทรงาม ช่วง กม.7+100-15+500 ระยะทาง 1,125 เมตร พื้นที่ ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร

โดยความคืบหน้าในขณะนี้ แขวงฯ ได้ทยอยติดตั้งคอนกรีตแบริเออร์หุ้มแผ่นยางธรรมชาติ คาดว่า จะติดตั้งในส่วนของแบริเออร์คอนกรีตแล้วเสร็จภายในช่วงต้น ธ.ค. 2563 จากนั้นจะดำเนินการสั่งซื้อแผ่นยางธรรมชาติ เพื่อนำมาหุ้มแบริเออร์คอนกรีตให้แล้วเสร็จต่อไป ก่อนที่จะเก็บข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ การลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับการเกิดอุบัติเหตุช่วงก่อนที่ยังไม่ติดตั้งแบริเออร์หุ้มแผ่นยางธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความพึงพอใจของผู้ใช้เส้นทาง หลังจากที่ก่อนดำเนินโครงการนี้ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ เพื่อแจ้งถึงการดำเนินโครงการแล้วพบว่า ประชาชนเห็นด้วย เพราะเป็นช่วยเพิ่มความปลอดภัย เมื่อได้ผลสติอุบัติเหตุแล้วจะนำเสนอ ทล. ให้ทราบต่อไป เพื่อพิจารณาดำเนินการขยายผลไปใช้เส้นทางอื่นๆ ในความรับผิดชอบของแขวงฯ พิจิตรเพิ่ม

สำหรับการติดตั้งแบริเออร์หุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ ทล.113 ปัจจุบันเป็นถนน 4 ช่อง ไป-กลับ เกาะสี และเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่าง อ.เมือง และ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เพื่อเดินทางไปยัง จ.นครสวรรค์ และ จ.เพชรบูรณ์ ทั้งนี้ยังเป็นเส้นทางขนส่นสินค้าที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ขณะที่ ทล.1067 ที่ กม.7+875 ตัดกับทางหลวงชนบทหมายเลข พจ.4048 (แยกวัดบางคลาน) ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่พุทธศาสนิกชนจะเดินทางไปกราบสักการะหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อ.โพทะเล

ทั้งนี้ จากที่ผ่านมาเส้นทางดังกล่าวมีขนาด 4 ช่อง ไป-กลับ เป็นเกาะสี และเป็นทางแยกบริเวณชุมชนแห่งนี้มีการจราจรสับสน ทำให้มีการกลับรถไม่เป็นระเบียบกลับตรงไหนก็ได้ เกิดการตัดกระแสจราจรบนเส้นทาง สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และไม่ปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้ทางและชุมชนบริเวณ ดังนั้น แขวงฯ ดำเนินการดังกล่าว เพื่อสนองนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการเพิ่มความปลอดภัย และส่งเสริมการใช้ยางพาราสร้างรายได้ต่อเกษตรกรด้วย