‘ศักดิ์สยาม’ สนองข้อสั่งการ ‘บิ๊กตู่’ ตามงาน ‘ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน’ พื้นที่ ‘บุรีรัมย์-สุรินทร์’ กางแผนบิ๊กโปรเจ็กต์คมนาคม เบื้องต้นกว่า 5 หมื่่นล้าน

“ศักดิ์สยาม” สนองข้อสั่งการ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ “บุรีรัมย์” ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน “คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” พื้นที่ 2 จังหวัด “บุรีรัมย์-สุรินทร์” พร้อมกางงบโปรเจ็กต์คมนาคมเบื้องต้นกว่า 5 หมื่นล้าน เผยผลรายงาน 5 ปัญหาเร่งด่วน พร้อมวางแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งลงวันที่ 13 สิงหาคม 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เพื่อกำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่

โดยเริ่มจากปัญหาเร่งด่วนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และรวดเร็วทันเหตุการณ์ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในพื้นที่แต่ละจังหวัดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต การประกอบอาชีพ การดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การเข้าไม่ถึงบริการความช่วยเหลือจากภาครัฐ การประสบภัยธรรมชาติ การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ

นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งลงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ และเสนอแนะแก่คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบ เพื่อให้การพัฒนาและแก้ไขปัญหาในระดับจังหวัดสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยเร็ว ลดปัญหา และอุปสรรค รวมทั้งใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

*** 5 ปัญหา “บุรีรัมย์-สุรินทร์” ***

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ ได้รายงานปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนและแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ซึ่งสรุปปัญหาได้ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ปัญหาความเดือดร้อนและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลให้เกิดการว่างงาน ขาดรายได้ ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งเมื่อจังหวัดได้รับงบประมาณแล้วต้องแปลงแผนงานลงไปสู่การปฏิบัติโดยเร็ว 2.ปัญหาด้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย การขาดแคลนแหล่งน้ำอุปโภค บริโภคที่เพียงพอและมีคุณภาพ จะประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนแผนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

3.ปัญหาการขาดที่ดินทำกิน 4.ปัญหาทางสังคมและความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน และ 5.ปัญหาการขาดแคลนหรือความต้องการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการคมนาคมขนส่งที่ทันสมัย สะดวกสบาย
มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ให้สามารถรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้พื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดในอนาคต

ทั้งนี้ จากสภาพปัญหาดังกล่าวที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในวันนี้ จะเป็นแนวทางการดำเนินงานภายใต้การขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้สำเร็จอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของรัฐบาล

*** วาง 5 แนวทางแก้ปัญหา ***

สำหรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนนั้น ได้แก่ 1.ให้ความสำคัญกับการสำรวจและทำความเข้าใจกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งปรับปรุงในเรื่องการสร้างความรับรู้และเข้าใจกับประชาชน ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน เพียงพอ ที่จะสามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดแนวทาง การตัดสินใจ และการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 2.การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวทางการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในครั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยช่วยกันกำหนดวิธีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทาง “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” สร้างการมีส่วนร่วมจากพี่น้องประชาชนในทุกระดับ ทุกภาคส่วน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

3.ขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ ของตนเอง ให้มีความถูกต้องตามหลักของกฎหมาย ยึดแนวทางการบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นที่ยอมรับโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และยึดหลัก “โปร่งใส เข้าถึง ตรวจสอบได้” 4.ขอให้คณะกรรมการฯ ทั้ง 2 จังหวัดประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และให้ติดตามผลการดำเนินงาน และประเมินผลลัพธ์ของการดำเนินงานโดยการวัดจากประสิทธิผลหรือประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ โดยให้จังหวัดรายงานผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของคณะกรรมการฯ อย่างสม่ำเสมอ หากยังไม่เกิดผลก็ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานใหม่ และ 5.การขับเคลื่อนพัฒนางานด้านการคมนาคมขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ตามหลักยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นความสะดวก ปลอดภัย
และตรงเวลา

*** เทงบพัฒนาคมนาคมเบื้องต้นกว่า 5 หมื่นล้าน ***

ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนไทยการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ไปด้วยกันให้เกิดความสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย นำความสุขมาสู่ประชาชนของทั้ง 2 จังหวัดอย่างยั่งยืนต่อไป ขณะที่ การพัฒนางานด้านการคมนาคมขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์นั้น ประกอบด้วยโครงการสำคัญต่างๆ คือ

  1. การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดบุรีรัมย์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ระยะทาง 103 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างรวม 3,241 ล้านบาท และได้รับงบประมาณปี 64 ระยะทาง 66 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,900 ล้านบาท การพัฒนาทางหลวงชนบท จำนวน 170 โครงการ วงเงิน 2,145 ล้านบาท
  2. การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงจังหวัดสุรินทร์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ระยะทาง 62 กิโลเมตร ค่าก่อสร้างรวม 2,766 ล้านบาท ได้รับงบประมาณปี 64 และแผนในอนาคต ระยะทาง 79.5 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 2,425 ล้านบาท การพัฒนาทางหลวงชนบท จำนวน 81 โครงการ วงเงิน 748 ล้านบาท
  3. แผนพัฒนารถไฟรางคู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ช่วงชุมทางจิระ-ขอนแก่น วงเงินมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นต้น
  4. การพัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.88 ล้านคนต่อปี โดยใช้งบประมาณ 1,725 ล้านบาท