วิ่งฉิว! มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ‘พัทยา-มาบตาพุด’ พร้อมกางแผนขยาย 3.5 กม. เชื่อมเทอร์มินัลสนามบินอู่ตะเภา มูลค่า 4.2 พันล้าน คาดเปิดใช้ปี 68

เปิดแล้ว! มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย พัทยามาบตาพุดอย่างเป็นทางการ ลุ้นวิ่งฟรียาว บรรเทาสถานการณ์โควิด-19 ศักดิ์สยามสั่ง ทล. ศึกษาสร้างจุดพักรถคร่อมถนนโมเดล ตปท. เพิ่มพื้นที่จอดรถข้างทาง พร้อมกางแผนมอเตอร์เวย์เชื่อมสนามบินอู่ตะเภา 3.5 กม. วงเงิน 4,200 ล้าน คาดเริ่มตอกเสาเข็มปี 65 เปิดใช้ปี 68 เติมเต็มพื้นที่ EEC

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 กรุงเทพชลบุรีมาบตาพุด ส่วนต่อขยายช่วงพัทยามาบตาพุด ระยะทางรวม 32 กม. วงเงินลงทุนรวม 17,784 ล้านบาทอย่างเป็นทางการว่า มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยามาบตาพุด หลังเปิดให้บริการแล้ว คาดว่าจะมีปริมาณการจราจร36,000 คันต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ในระหว่างนี้จะไม่มีการเก็บเงินค่าผ่านทาง จนกว่าจะมีการประกาศเก็บค่าผ่านทางเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากกรมทางหลวง (ทล.) อยู่ระหว่างดำเนินการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานครบ้านฉาง.…. และอยู่ระหว่างการตรวจร่างฯ ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนสรุปผลนำเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายใน .. 2563 ก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพื่อเป็นไปตามขั้นตอนออกกฎกระทรวงและประกาศใช้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเก็บค่าผ่านทางในช่วง .. 2563 แต่ได้มอบหมายให้ ทล. ไปพิจารณาช่วงเวลาที่จะเก็บเงินค่าผ่านทางให้เหมาะสม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางตลอดเส้นทางเก็บตามประเภทรถ แบ่งเป็น รถยนต์ 4 ล้อ ราคา 25-130 บาท, รถยนต์ 6 ล้อ ราคา 45-210 บาท และรถยนต์มากกว่า 6 ล้อขึ้นไป ราคา 60-305 บาท

ในส่วนของจุดพักรถของมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 นั้น ได้สั่งการให้ ทล.ไปศึกษารูปแบบจากประเทศเกาหลีใต้ หลังจากไปศึกษาดูงานเมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยเป็นรูปแบบการคร่อมมอเตอร์เวย์ และพื้นที่ด้านล่างทั้ง 2 ฝั่ง จะเป็นพื้นที่จอดรถ เพื่อรองรับปริมาณผู้ใช้บริการได้อย่างเพียงพอ ประกอบกับยังสามารถช่วยประหยัดงบประมาณให้เอกชนที่จะเข้ามาดำเนินการ เพื่อลงทุนศูนย์จำหน่ายสินค้าเพียงจุดเดียว ที่สามารถใช้บริการได้ทั้งขาเข้าและขาออก ขณะที่ สัญญาสัมปทานนั้น จะเริ่มนับรวมการศึกษาและการก่อสร้างตั้งแต่ช่วงต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ทล. จะดำเนินการส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยามาบตาพุดให้ไปถึงสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 3.5 กม. เชื่อมต่อโดยตรงกับอาคารผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะใช้บริการได้เพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปีในอนาคต รวมทั้งเติมเต็มโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตด้วย โดยทล. จะใช้งบประมาณเพื่อนำมาศึกษาจากกองทุนมอเตอร์เวย์ประมาณ 40 ล้านบาท

ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าว ในเบื้องต้นมีระยะทางประมาณ 3.5 กม. วงเงินลงทุนโครงการ 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง 3,940 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 260 ล้านบาท โดยพื้นที่บางส่วนเป็นของทหาร ซึ่งจะต้องไปดำเนินการขอใช้พื้นที่ และอีกส่วนจะเป็นพื้นที่โล่ง ทำการเกษตร ซึ่งจะต้องมีการเวนคืนในเขตทางเพิ่ม 40 เมตร อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายสิ้นปีนี้ จะได้ข้อสรุปจำนวนพื้นที่ที่มีการเวนคืนทั้งหมด

สำหรับแนวเส้นทางนั้น เริ่มจากมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอู่ตะเภา มุ่งหน้าทิศใต้ ข้ามทางรถไฟสายตะวันออก ซึ่งขนานกับแนวรถไฟความเร็วสูง และตัดกับทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่อาคารผู้โดยสารใหม่ของสนามบินอู่ตะเภา ในส่วนรูปแบบการก่อสร้าง เป็นมอเตอร์เวย์ขนาด 4 ช่องจราจร ขาไป 2 ช่อง และขากลับ 2 ช่อง นอกจากนี้ จะมีการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ 1 แห่ง บริเวณจุดตัด ทล.3 เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่สนามบินอู่ตะเภา

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของผลการศึกษาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 จากนั้นในปี 2564 จะสำรวจออกแบบรายละเอียด พร้อมศึกษาผลกระทบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และในปี 2565 จะดำเนินการเวนคืนที่ดิน และก่อสร้างมอเตอร์เวย์ดังกล่าว เชื่อมต่ออาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ของสนามบิน พร้อมทางแยกต่างระดับจุดเชื่อมต่อถนนสุขุมวิท โดยอาจจะใช้งบประมาณก่อสร้างจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะแล้วเสร็จในปี 2567 และเปิดให้บริการในปี 2568 เพื่อให้เป็นไปตามแผนเปิดสนามบินอู่ตะเภาด้วย

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดี ทล. กล่าวว่า โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเส้นทางแรก ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2537 มีขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 125 กม. รองรับการคมนาคมขนส่งระหว่างกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกของประเทศไทย ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออก และเชื่อมโยงการเดินทาง และขนส่งสินค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ สามารถเดินทางเข้าถึงแหล่งนิคมอุตสาหกรรม อาทิเช่น นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เป็นต้น ทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคทั่วประเทศ

สำหรับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยามาบตาพุดนั้น เป็นเส้นทางคมนาคมใหม่ ที่จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่พื้นที่ของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC อีกทั้ง ยังเป็นโครงการที่เชื่อมต่อโครงข่ายการคมนาคมขนส่งในทุกระบบ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง มีลักษณะเป็นทางหลวงพิเศษที่มีการควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์

ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าว มีขนาด 4-6 ช่องจราจร ระยะทาง 32 กม. เชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงชลบุรีพัทยา บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มีด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯห้วยใหญ่ เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท บริเวณบ้านอำเภอเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, ด่านฯเขาชีโอนเชื่อมต่อทางหลวง หมายเลข 331 อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี และด่านฯอู่ตะเภา เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิทบริเวณอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

นอกจากนี้มีระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ทั้งระบบเงินสด และระบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งมีระบบควบคุมการจราจร และระบบอำนวยความปลอดภัยต่างๆ ให้บริการผู้ใช้เส้นทาง ให้เดินทางด้วยความสะดวกสบาย ประหยัด และปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และในอนาคตรองรับการใช้งานระบบกล้องสแกนทะเบียนรถขึ้นก่อนจ่ายทีหลัง หรือ M-FLOW เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บเงินอีกด้วย

นายสราวุธ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการสร้างมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายถึงสนามบินอู่ตะเภานั้น ก่อนหน้านี้มีระยะทาง 7 กม. เนื่องจากคำนวนตามแนวเส้นทางราบ แต่เมื่อศึกษาแล้วพบว่า หากใช้รูปแบบดำเนินการที่ ทล. ศึกษา โดยเป็นทางยกระดับ จะมีระยะทางสั้นลง เหลือ 3.5 กม. และสะดวกมากขึ้น