กทท. เผย Q1/63 จำนวนตู้ผ่านท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง ลดลง 2.88% คาดนำเข้า-ส่งออกไทยหดตัว

“การท่าเรือฯ” แจงผลการดำเนินงาน Q1/63 มีตู้ผ่านท่าเรือกรุงเทพ-ท่าเรือแหลมฉบัง 2.33 ล้าน ที.อี.ยู ลดลง 2.88% คว้ารายได้ 3.62 พันล้าน พร้อมคาดการนำเข้า-ส่งออกของไทยหดตัว เหตุสงครามการค้าสหรัฐ-จีน พ่วงค่าเงินบาทแข็งตัว

เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ประจำปีงบประมาณ 2563 (ตุลาคม-ธันวาคม 2562) ในการให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือต่างๆ ทั้ง 5 ท่าเรือ โดยเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น สรุปได้ดังนี้ 

  1. ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) มีเรือเทียบท่า 999 เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.82% สินค้าผ่านท่า 5.471 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.65% โดยมรตู้สินค้าผ่านท่า 3.787 แสน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 3.50
  2. ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) มีเรือเทียบท่า 2,457 เที่ยว ลดลง 2.73% สินค้าผ่านท่า 43.763 ล้านตัน ลดลง 5.99% มีตู้สินค้าผ่านท่า 1.999 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 4.01%
  3. ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) มีเรือเทียบท่า 1,183 เที่ยว เพิ่มขึ้น 36.77% สินค้าผ่านท่า 84,683 ตัน เพิ่มขึ้น 33.00% มีตู้สินค้าผ่านท่า 1,860 ตู้ เพิ่มขึ้น 55.48%
  4. ท่าเรือเชียงของ (ทชข.) มีเรือเทียบท่า 102 เที่ยว ลดลง 329.41% สินค้าผ่านท่า 726 ตัน ลดลง 2,153.32%
  5. ท่าเรือระนอง (ทรน.) มีเรือเทียบท่า 70 เที่ยว ลดลง 18.57% สินค้าผ่านท่า 31,736 ตัน ลดลง 2.22% ตู้สินค้าผ่านท่า 781 ตู้ เพิ่มขึ้น 26.76%

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ กทท. มีตู้สินค้าผ่านท่าทั้งที่ ทกท. และ ทลฉ. รวม 2.337 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 2.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมรายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2563 เป็นจำนวน 3,624 ล้านบาท โดยสถานการณ์นำเข้า-ส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มหดตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งตัวต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม จากการปรับตัวของการส่งออกสินค้าบางรายการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับนโยบาย การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐ-ประชาชนจีน ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 เป็นสัญญาณที่ดี คาดว่าจะช่วยลดความตึงเครียดทางการค้าลงและส่งผลดีสำหรับสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก