‘ศักดิ์สยาม’ สั่ง ขบ. ถกร่วม ตร. 19 ธ.ค.นี้ ก่อนกำหนดเกณฑ์ออกใบขับขี่-ตัดคะแนน หวังล้อมคอกอุบัติเหตุ

“ศักดิ์สยาม” สั่ง ขบ. ถกร่วม ตร. 19 ธ.ค.นี้ ก่อนกำหนดเกณฑ์ออกใบขับขี่-ตัดคะแนน พร้อมเตรียมปรับหลักสูตรเข้มข้น เน้นความเข้าใจ-ทัศนคติ-แก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากขึ้น ฟากลดค่าครองชีพประชาชน จ่อสรุปรายละเอียดกลางเดือนหน้า

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดว่า ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปศึกษามาตรฐานหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตขับขี่แต่ละประเภทให้เข้มข้นมากขึ้น พร้อมทั้งพิจารณาการกำหนดหลักเกณฑ์การตัดคะแนนความประพฤติในการขับขี่ กรณีที่มีการกระทำความผิด เพื่อแก้ไขปัญหาการเดิดอุบัติเหตุ รวมถึงนำผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ขนส่ง นำไปสู่การแบ่งสินบนนำจับ เพื่อช่วยตรวจสอบการกระทำความผิด เนื่องจาก ขบ. มีบุคลากรจำกัด

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ในขณะนี้ ขบ. อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับหลักสูตรการขอใบอนุญาตขับขี่ให้เข้มข้นขึ้น โดยมีแนวทางที่จะยกเลิกการทดสอบความจำ ปรับเป็นการทดสอบด้านความเข้าใจ การวิเคราะห์ทัศนคติ และการแก้ไขปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้า นอกจากนี้ ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ จะหารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตามหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.จราจร ก่อนที่จะสรุปรูปแบบ มาตรการต่างๆ และหลักสูตที่จะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของมาตรการการลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของรัฐบาล ทั้งนี้ ยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายต่างๆ อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวนั้น สรุปรายละเอียด ก่อนนำกลับมารายงานยังกระทรวงคมนาคมในช่วงกลาง ธ.ค. 2562

“เรื่องของลดค่าครองชีพ โดยเฉพาะการลดค่าโดยสารในโครงการรถไฟฟ้าบางสาย ที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และดูห้วงเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ จะต้องรอรับฟังความเห็นของประชาชนด้วย ว่าสิ่งที่ประชาชนต้องกร จะดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร” นายศักดิ์สยาม กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร วงเงิน 179,413 ล้านบาท ในส่วนของสัญญา 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและฝึกอบรมบุคลากร) วงเงิน 50,600 ล้านบาทนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้ทำหนังสือประสานไปยังนายนิ่ง จี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน เพื่อนัดประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (Joint Committee หรือ JC) ครั้งที่ 28 เพื่อกำหนดวันที่จะใช้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน และกำหนดวันลงนามในสัญญา 2.3 ต่อไป ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม JC ครั้งที่ 28 นั้น จะนำข้อสรุปจากการประชุมเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก่อนเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และอัยการสูงสุดต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้เร่งรัดการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ ทั้งรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการที่มีความล่าช้า พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ไปดำเนินการในการตรวจสอบเอ็กซเรย์ว่า มีงานส่วนใดบ้างที่มีปัญหาอุปสรรค ส่งผลทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จากนั้นให้ดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงาน (Action Plan) การแก้ไขปัญหามารายงานภายใน 14 วัน ว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างไร ถ้าอะไรที่เกินกำลังความสามารถของของในแต่ละหน่วยงานนั้น หากต้องการให้กระทรวงเข้าไปช่วยแก้ไข ให้รายงานมายังกระทรวงฯ