‘กรมทางหลวง’ ทุ่ม 600 ล้าน นำร่องนโยบายความเร็วช่องขวาสุด 120 กม./ชม. ถนนสายเอเชีย “บางปะอิน-นครสวรรค์” 44 แห่ง คาดได้ใช้ 50 กม.แรกในปี 63

“กรมทางหลวง” ทุ่ม 600 ล้านบาท นำร่องนโยบายช่องขวาสุด 120 กม./ชม. ถนนสายเอเชีย “บางปะอิน-นครสวรรค์” 44 แห่ง คาดได้ใช้ 50 กม.แรกในปี 63 ก่อนขยายสร้างอีก 100 กม. ภายในปี 64

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการกำหนดอัตราความเร็วถนน 4 ช่องจราจรขึ้น ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม.ต่อชม.นั้น จากการลงพื้นที่สำรวจการใช้ความเร็วบนถนนสายหลัก พบว่า ถนน 4 ช่องขึ้นไปกว่า 60% ใช้ความเร็วเกิน 90 กม./ชม. ดังนั้น ทล. ได้คัดเลือกเส้นทางนำร่องเป็นถนน ทล.หมายเลข 32 (สายเอเชีย) ช่วงบางปะอิน-นครสวรรค์ ระยะทาง 150 กม. เนื่องจากเป็นถนนที่มีเกาะกลางหลายรูปแบบ ทั้งแบบร่องกลาง แบบแบริเออร์ตลอดแนวเส้นทางแบ่งช่องจราจรชัดเจน และรถใช้ความเร็วค่อนข้างสูง เพราะกว่า 85% ของความเร็วรถเฉลี่ยทั้งหมดอยู่ที่ 110-125 กม./ชม. โดยเฉพาะช่องจราจรขวาสุด

ทั้งนี้ ยังพบว่าการใช้ความเร็วดังกล่าวต้องปรับปรุงจุดกลับรถประมาณ 44 แห่ง ซึ่งบางแห่งอาจต้องปิดจุดกลับรถ 35 แห่ง นอกนั้นจะปรับเป็นทางลอดสำหรับรถขนาดเล็ก ซึ่งรถขนาดใหญ่ไปใช้สะพานกลับรถหรือสะพานบกที่ด้านล่างจะมีช่องลอดใต้สะพานได้ เบื้องต้นจะใช้งบประมาณปรับปรุงทั้งหมดไม่เกิน 600 ล้านบาท แบ่งเป็น ปรับปรุงจุดกลับรถประมาณ 400 ล้านบาท หรือแห่งละ 10 ล้านบาท ที่เหลืออีก 200 ล้านบาทจะติดตั้งด้านความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ปรับปรุงป้ายจราจร ตีเส้น เครื่องหมายจราจร และอุปกรณ์กั้นให้ความสมบูรณ์และเหมาะสม โดยงบประมาณที่นำมาดำเนินการจะขอตั้งงบประมาณในปี 2564 และใช้งบเหลือจ่ายในปีงบประมาณ 2563 ด้วย

สำหรับ ในปัจจุบันถนนเส้นทางดังกล่าวได้ปรับปรุงขยายเป็น 6 ช่อง ไป 3 ช่อง กลับ 3 ช่อง โดยใช้แบริเออร์แบ่งช่องชัดเจน โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ช่วง 50 กม. แรก จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2563 หลังจากนั้นระยะที่ 2 อีก 100 กม. แล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2564 ส่วนรูปแบบดำเนินการจะแบ่งการใช้ความเร็วเป็น 3 ระดับ คือ ช่องซ้ายสุด ไม่เกิน 80 กม./ชม. ช่องกลางไม่เกิน 100 กม./ชม. และช่องขวาไม่เกิน 120 กม./ชม. เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายสำหรับผู้ขับขี่ เดินรถได้อย่างสมดุลกัน และมีความปลอดภัย 100% อย่างไรก็ตามหากดำเนินการนำร่องใช้ความเร็ว 120 กม. ในถนนเส้นทางนี้ได้สำเร็จทำให้อนาคตถนนสายเอเชียจะไม่มีจุดกลับรถระดับพื้นราบทำให้มีความปลอดภัยที่ดีมาก และสามารถใช้เป็นต้นแบบปรับจุดกลับรถตามสภาพภูมิประเทศได้

นายสราวุธ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการขยายผลนำร่องความเร็ว 120 กม./ชม. มาใช้กับเส้นทางอื่นๆ ต่อ เช่น ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน, 2 ถนนมิตรภาพ, 3 ถนนสุขุมวิท และ 4 ถนนเพชรเกษมนั้น ตอนนี้มอบหมายให้สำนักงานสำรวจและออกแบบ, เขตทางหลวง และแขวงทางหลวงที่รับผิดชอบ งงพื้นที่สำรวจถนนทั้ง 4 เส้นทาง เพื่อนำข้อมูลมาพยายามปรับปรุงบางจุดที่ทำได้ก่อน ส่วนแต่บางจุดที่ทำไม่ได้ เช่น ถนนสุขุมวิทมีหลายเส้นทาง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ระยอง ประชาชนต้องใช้พื้นที่สองข้างทางจำนวนมาก และถนนเพชรเกษมดังนั้นอาจต้องต้องปรับสภาพถนนก่อน ขณะที่เส้นทางสายพหลโยธินและถนนมิตรภาพต้องสำรวจและหาแนวดำเนินการต่อไป