‘ถาวร’ จี้ ‘บินไทยฯ’ เร่งทำแผนฟื้นฟู เดดไลน์แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

“ถาวร” บุก “บินไทยฯ” จับเข่าคุยผู้บริหารจี้เร่งดำเนินการแผนฟื้นฟูให้เสร็จภายใน 30 วัน สั่งรายงานความคืบหน้าทุกเดือน ด้าน “สุเมธ” รับลูกลุยทำแผนแก้ขาดทุน-ลดรายจ่าย เตรียมหารือพนักงานลดวันทำงานล่วงเวลา 1 วัน พร้อมลดการจัดซื้อจัดจ้างลง 10%

นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ได้มอบหมายให้การบินไทย จัดทำแผนฟื้นฟูและแผนบริหารธุรกิจฉบับใหม่ ภายหลังที่คณะกรรมการฯการบินไทย เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 มีมติให้ทบทวนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ ออกไปก่อน 6 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง ตลาดเปลี่ยนแปลง ซึ่งยอมรับว่าธุรกิจการบินปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก หลายประเด็นการบินไทยไม่ได้รับแต้มต่อ เช่นเรื่องของราคาเชื้อเพลิง เรื่องของน่านฟ้าที่เปิดเสรี อีกทั้งบริษัทอยู่ในภาวะขาดทุนสะสมต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้การบินไทยรายงานความคืบหน้าของผลประกอบการเป็นรายเดือน และให้บริษัทจัดทำแผนฟื้นฟูบริษัทและแผนบริหารธุรกิจฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วนแผนฟื้นฟูองค์กรและแผนบริหารธุรกิจใหม่ที่บริษัทการบินไทยจะต้องจัดทำนั้นต้องมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อลดการขาดทุนเพิ่มกำไรเพิ่มยอดขายสร้างความพึงพอใจรวมถึงการปรับเส้นทางการบินให้เหมาะสมโดยใช้ระบบไอทีเข้ามาบูรณาการทำงานเช่นการจองตั๋วออนไลน์และแผนการตลาด

ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ ตามที่คณะกรรมการฯ ได้สั่งให้ทบทวนแผนใหม่นั้น การบินไทยจะต้องรายงานความคืบหน้าให้ตนรับทราบแผนการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือนจนกว่าแผนจะแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา6เดือน พร้อมกันนี้ให้รายงานความก้าวหน้า เรื่องการลงทุนของบริษัทในศูนย์ซ่อมบำรุง (MRO) ที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาทุก 15 วันโดยให้การดำเนินงานของบริษัทยึดตามแผนEEC ยุทธศาสตร์ชาติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามนโยบายรัฐบาลโดยเคร่งครัดและให้เร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว

“ตั้งแต่ปี 2503 ถึงวันนี้ก็ 59 ปีแล้ว ทำกำไรมาตลอด สถานการณ์เราเสียภาษีให้กับรัฐนำส่งรายได้ ต่อมาขาดทุนแค่ 2 หมื่นล้าน ดูตัวเลขไม่มีปัญหาแก้ไขได้ แต่ต้องจริงจังเพราะความภาคภูมิใจในการเป็นสายการบินแห่งชาติที่ได้รับรางวัลมาอย่างต่อเนื่องเราแพ้ใครไม่ได้แม้แต่ตัวเองก็ต้องสู้ ดังนั้นเมื่อบอร์ดซึ่งรับผิดชอบในฐานะกำกับดูแลได้ให้การบ้านไปผมในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ต้องรับผิดชอบต่อสภา ในวันนี้ได้กลับมาเพื่อจับเข่าคุยกันของการทำให้การบินไทยฟื้นมาเป็นบริษัทที่ทำกำไร” นายถาวร กล่าว

ด้านนายนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากสถานะทางการแข่งขันที่รุนแรง และที่ผ่านมาประสบปัญหาการขาดทุนปีนี้ ถือเป็นปีที่ยากลำบากของการบินไทย ดังนั้นจึงได้เร่งทำแผนระยะสั้น เพราะเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือนเพื่อฟื้นฟูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มจากเรื่องรายได้เริ่มจากการขายตั๋วให้ได้มากที่สุด ซึ่งระหว่างนี้เป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นฝ่ายการตลาดจะไปดูเรื่องการทำการตลาดที่ตัวบุคคลและใช้เครื่องมือ ดาต้า มาเก็ตติ้ง ในการเข้ามาช่วย เพื่อทำให้บรรลุการขายตั๋วให้ได้

“เรื่องการควบคุมค่าใช้จ่าย เราจะบริหารค่าใช้จ่ายโดยค่าใช้จ่ายบางตัวที่ยังไม่มีความจำเป็นจะพิจารณาหรือยกเลิกออกไป และจะมีการหารือกับพนักงานปรับลดการทำล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานลง 1 วัน เพื่อช่วยในเรื่องของค่าแรงโอที รวมถึงลดการจัดซื้อจัดจ้างลง 10% ส่วนสิ่งที่ได้ทำไปแล้วคือเรื่องของการลดค่าตอบแทนของผู้บริหารในบางส่วนลง ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าเราช่วยอะไรกันได้ก็ช่วยกันทำ ส่วนเรื่องอื่นๆได้มีการพูดคุยกับฝ่ายบริหารว่าขอให้มีการ่วมมือกันอย่างเต็มที่ ยึดมั่นทำตามแผน” นายสุเมธ กล่าว

นายสุมธ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการจัดหาเครื่องบินจะต้องวิเคราะห์ตลาดและพิจารณาเงินทุนอย่างละเอียด โดยจะศึกษาปรับโครงสร้างของธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เกิน 8 เท่า จะต้องปรับลดหนี้และลดสินทรัพย์ (Asset) รวมถึงพิจารณาถึงการเพิ่มทุน ซึ่งมีทุนจดทะเบียนไม่มาก ทั้งหมดจะอยู่ในแผนฟื้นฟูองค์กรรวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Sale) มากขึ้น จากเดิมพึ่งพิงช่องทางเอเย่นต์เป็นหลัก โดยบริษัทจะไม่ลดความสำคัญเอเย่นต์ลง เพื่อไม่ให้การขายเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังต้องทบทวนเส้นทางการบินโดยเฉพาะเส้นทางที่ขาดทุนและมีการแข่งขันที่รุนแรงที่การบินไทยประสบปัญญา และควรทบทวนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำเรื่องของการสื่อสารกับพนักงานที่เป็นส่วนสำคัญในการกู้วิกฤติ สื่อสารกับคนภายนอกให้เกิดความเข้าใจกับการเป็นสายการบินแห่งชาติและสถานะทางการเงินของบริษัท รวมถึงการพัฒนาองค์กรให้สอดคล้องกับงานเพื่อให้มีความเหมาะสมเพื่อให้เกิดความสมดุล และสุดท้ายเรื่องของ MRO ภายในสิ้นปีนี้ บริษัท แอร์บัสมีแผนข้อเสนอเข้าไปที่อีอีซี

ขณะทื่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังนายถาวร ได้กำชับให้การบินไทยพิจารณาแผนจัดหาเครื่องบิน 38 ลำอย่างรอบคอบ พร้อมตั้งคำถามของการวางแผนจัดใช้เครื่องบิน สถานะทางการเงิน และแผนต่อสู้การแข่งขันในอุตสาหกรรม เพื่อประกอบในแผนจัดหาฝูงบินดังกล่าว บอร์ดในฐานะผู้กำกับดูแลฝ่ายบริหาร ได้พิจารณาคำถามของรัฐมนตรีช่วยฯ และมีข้อกังวลเช่นเดียวกัน เพราะพบว่าสมมติฐานในการพิจารณาแผนจัดหาเครื่องบินในขณะนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป จึงมีมติให้ฝ่ายบริหารการบินไทยทบทวนแผนจัดหาฝูงบินใหม่ และนำกลับมาเสนออีกครั้งภายใน 6 เดือน

สำหรับ สมมติฐานที่บอร์ดเล็งเห็นว่ามีผลกระทบต่อการทบทวนแผนจัดหาฝูงบิน มีประเด็นหลัก เช่น การทบทวนสมมติฐานใหม่ เนื่องจากแผนจัดหาฝูงบินเดิม จัดทำในช่วงที่ไม่มีผลกระทบสงครามการค้า (เทรดวอร์) แต่ปัจจุบันมีปัจจัยดังกล่าวที่กระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยฐานะทางการเงินที่ต้องทบทวน ปัญหาการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบิน และเส้นทางบินที่ไม่ได้รับความนิยมแล้ว ดังนั้น การทบทวนแผนจัดหาฝูงบินใหม่นี้ ไม่ได้เป็นการชะลอแผนให้ล่าช้า แต่เป็นการทบทวนให้รอบคอบ เพราะการซื้อเครื่องบินถือเป็นการลงทุน และเป็นแผนธุรกิจในระยะยาว