‘ถาวร’ ลั่น ‘การบินไทย’ ถึงจุดวิกฤติ! กุมขมับปีนี้จ่อขาดทุนทะลุ 1 หมื่นล้าน

“ถาวร” ลั่นการบินไทยถึงจุดวิกฤติ ตีกลับแผนฟื้นฟูเดิม หลังส่อแววทำไม่ได้จริง-ตอบคำถามอ้ำอึ้ง กุมขมับ! ปีนี้จ่อขาดทุนทะลุ 1 หมื่นล้าน  ด้าน “ก.คลัง” เบรกการบินไทยกู้เงินเพิ่ม 5 หมื่นล้าน หวั่นขาดสภาพคล่อง  ฟาก “คมนาคม” ยื่นคำขาดกู้แล้วต้องมีปัญญาใช้หนี้ด้วย

นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนมีความกังวลถึงการดำเนินงานของการบินไทยว่าจะไม่สามารถดำเนินแผนฟื้นฟูได้ตามเป้าหมาย ที่ผ่านมาคณะทีมบริหารชุดใหม่ทำงานผ่านมา 11-12 เดือนแล้ว แต่ยังพบว่าไม่สามารถเพิ่มรายได้หรือลดยอดขาดทุนลงได้เลย โดยเฉพาะในปี 2563 นั้น มีแนวโน้มที่จะขาดทุนเกิน 10,000 ล้านบาท ภายหลังจากผลดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าขาดทุนรวมกันไปแล้วมากกว่า 6,000 ล้านบาท ดังนั้น นอกจากประเมินผลงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) แล้ว คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ต้องประเมินผลงานของตัวเองด้วย โดยเฉพาะนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานบอร์ดการบินไทย ซึ่งรู้อยู่แล้วการบินไทยมีปัญหา ทั้งตัวเลขขาดทุนสะสมหลายหมื่นล้านบาท และตัวเลขหนี้ที่มีมากกว่า 140,000 ล้านบาท

“วันนี้การบินไทยอยู่ในจุดวิกฤติแล้ว สภาพทางการเงินมันแย่แล้ว ต้องถามประธานบอร์ดว่าได้ตื่นตัวกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมามีการจับเข่าคุยกันอย่างจริงจังหรือไม่ และต้องทำงาน 25 ชม. ส่วนการบ้านที่ผมได้เคยมอบหมายไปให้ชี้แจงเรื่องแผนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ ก็ยังไม่มีคำตอบที่เป็นทางการออกมาชัดเจน และผมยังมีการบ้านอีกมากมายที่จะมอบให้การบินไทยไปทบทวน ทั้งนี้ผมไม่สามารถปลดใครออกได้ แต่ผมจะเป็นผู้กำกับดูแลให้สายการบินแห่งชาติกลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศอีกครั้ง ” นายถาวร กล่าว

นายถาวร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแผนการกู้เงินเพิ่มในปี 2563 วงเงิน 50,000 ล้านบาทที่ได้เสนอไปยังกระทรวงการคลังนั้น ตนมองว่าการจะขอกู้เงินหรือขอเพิ่มทุนให้กับกิจการนั้น ต้องมีขั้นตอนที่เกี่ยวข้องหลายส่วน ทั้งด้านนโยบายและด้านผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะการบินไทยต้องระลึกเสมอว่า การกู้เงินผ่านภาครัฐดังกล่าวนั้น เป็นเงินของประชาชนด้วยเช่นกัน หากเกิดข้อผิดพลาดต้องมีคนรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังต้องดูด้วยว่าแผนฟื้นฟูหรือสร้างรายได้ให้กับบริษัทมีความน่าเชื่อถือว่า จะทำได้จริงหรือไม่เพราะมีเงื่อนไขเรื่องศักยภาพการใช้หนี้เงินกู้อยู่ด้วย ต้องสามารถใช้คืนได้ด้วย

ในส่วนเรื่องความคืบหน้าการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำนั้น นายถาวร กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบให้การบินไทยกลับไปทบทวนแผนจัดซื้อ พร้อมวิเคราะห์ข้อเสนอแนะของตน เพื่อสรุปข้อมูลนำกลับมารายงานที่กระทรวงคมนาคม สำหรับการบ้านที่ได้มอบหมายไปแล้วการบินไทยยังตอบไม่ได้ คือ เรื่องการหาแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาซื้อเครื่องบินใหม่ มูลค่า 156,000 ล้านบาท เรี่องแผนดำเนินกิจการในระยะยาวหลังจากมีเครื่องบินล็อตแรกส่งมอบ 25 ลำ ตลอดจนเรื่องแผนการทำตลาดเพื่อสู้กับสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost Airline) เนื่องจากการบินไทยจะปรับแผนทางธุรกิจโดยนำเครื่องบินล็อตแรก (25 ลำ) มาเปิดเส้นทางบินใหม่ 15 เส้นทาง ระยะทางราว 5-6 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สายการบินต้นทุนต่ำทำการบินและมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งการบินไทยได้ตอบเพียงแต่ว่าจะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบสายการบินพรีเมี่ยมงานบริการเหนือระดับ เพื่อช่วงชิงลูกค้าจากสายการบินต้นทุนต่ำแต่ยังคงไม่มีรายละเอียดอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้นในวันที่ 10 ต.ค. นี้ ตนจะนัดหารือกับกลุ่มผู้บริหารระดับสูงการบินไทยทั้งด้าน ประธานบอร์ด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้อำนวยการใหญ่สายงานต่างๆ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาและศักยภาพทางธุรกิจขององค์กรนำไปสู่การหาทางออกร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจ

รายงานข่าวกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การบินไทยได้จัดทำแผนการกู้เงินประจำปี 2563 ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) พิจารณาจำนวน 50,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ทุนหมุนเวียนในการดําเนินกิจการทั่วไป วงเงิน 32,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องวงเงิน 24,800 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้มีมติร่วมกันว่ามีความกังวลต่อปัญหาของการบินไทย ที่กำลังตกอยู่ในสภาพ ขาดสภาพคล่องและมีเงินสดไม่เพียงพอในการดำเนินงาน ทั้งยังจะมีการก่อหนี้เพิ่มในการซื้อเครื่องบินใหม่ ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นควรให้ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ที่เกี่ยวข้องกับการบินไทยไปพิจารณาดําเนินการตามความเหมาะสมต่อไป