“มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ ที่เปิดสอนเกี่ยวกับโลจิสติกส์ ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยมีจุดเด่นและจุดแข็งที่หลากหลาย ทั้งความพร้อมของบุคลากร การมีเครือข่ายที่เข้มแข็งกับภาคเอกชน ซึ่งนักศึกษาที่เรียนจบจากที่นี้มั่นใจได้ว่ามีงานรองรับอย่างแน่นอน ทั้งการเป็นเจ้าของกิจการ และพนักงานเอกชน
ผศ.ดร.วัชรวี จันทรประกายกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดสอนด้านโลจิสติกส์ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยในระดับปริญญาตรีมี 2 หลักสูตร ได้แก่หลักสูตรบริหารธุรกิจและคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนระดับปริญญาโท คือหลักสูตรบริหารธุรกิจ และระดับปริญญาเอกหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ระดับปริญญาตรี หลักสูตรวิศกรรมศาสตร์ มีจุดแข็งที่แตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่น คือเน้นให้คิด วิเคราะห์และออกแบบได้จริง หลักสูตรใหม่จะมีการปรับหลักสูตรให้นักศึกษาฝึกงานที่สถานประกอบการ 1 ปี จากเดิมแค่ 4 เดือน การเพิ่มระยะเวลาตรงนี้ เพื่อให้เด็กมีวิธีคิด วิเคราะห์และออกแบบระบบการทำงานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับงานบริการ เป็นต้น

ในส่วนของหลักสูตรการบริหารจะเน้นการจัดการ มีการปรับรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เช่นการปรับปรุงหลักสูตรเกี่ยวกับดิจิตัลโลจิสติกส์เพิ่มเติม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การบรรจุวิชาเกี่ยวกับAI หรือหุ่นยนต์ด้านโลจิสติกส์ ที่ผ่านมานักศึกษาในส่วนของหลักสูตรบริหารมีผลงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะการได้รับรางวัลประเภทสหกิจศึกษาดีเด่น คือสามารถผลิตโมเดลแก้ไขปัญหาธุรกิจ แล้วสามารถใช้ได้จริงในองค์กรนั้น ซึ่งนักศึกษาไม่ได้เก่งแค่การบริหารจัดการเท่านั้นแต่ต้องคิดวิเคราะห์ได้เช่นกัน

ดร.ปิยะเนตร นาคสีดี อาจารย์ระจำสาขาวิศวกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในส่วนระดับปริญญาโท จุดแข็ง คือเน้นการบริหารจัดการ และการแก้ปัญหาขององค์กรได้จริง ปูทางสู่การเป็นผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งมีรายวิชาที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ วิชาเกี่ยวกับเอไอ เป็นต้น โดยทางคณะจะมีการเชิญศิษย์เก่าที่เป็นผู้ประกอบการหรือทำงานอยู่ในตำแหน่งโลจิสติกส์ของแต่ละองค์กร มาร่วมสอน ถ่ายทอดความรู้และแชร์ประสบการณ์ร่วมกันการสอนในระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยต้องการดูแลอย่างทั่วถึง ดังนั้นรุ่นหนึ่งจะรับนักศึกษาประมาณ 40 คนต่อเทอม ส่วนกลุ่มคนที่มาเรียน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ทายาทของผู้ประกอบการ 2.คนทำงานที่เกี่ยวข้องกับสายงานโลจิสติกส์ทั้งภาครัฐและเอกชน และ 3.กลุ่มที่ต้องการย้ายสายงานสู่วงการโลจิสติกส์เพราะมองเห็นโอกาส

สำหรับหลักสูตรระดับปริญญาโท ขณะนี้กำลังปรับหลักสูตรให้สามารถจบการศึกษาได้ภายใน 1 ปี จากเดิม 2 ปี โดยจะมีเวลาปิดเทอมน้อยลง เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้เรียนคืออยากจบเร็ว และขณะนี้จะเปิดหลักสูตรออนโลน์ด้านโลจิสติกส์อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนระดับปริญญาเอก ผศ.ดร.วัชรวี กล่าวว่า สิ่งที่เน้นคือ คุณภาพของผู้เรียนมากกว่าปริมาณ โดยเฉพาะคุณภาพของงานตีพิมพ์ต้องเป็นที่เชื่อถือยอมรับได้ ผลงานต้องเป็นการวิจัยเชิงคำนวณ ต้องทดสอบและเห็นได้จริง นักศึกษาที่เรียนสามารถวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ซึ่งนักศึกษาที่มาเรียนระดับบปริญญาเอก มีทั้งพนักงานบริษัทเอกชน เจ้าหน้าที่จากภาครัฐและอาจารย์มหาวิทยาลัย

นอกจากนี้หลักสูตรปริญญาเอกยังมีความพิเศษคือนักศึกษาที่เรียนอยู่ในระดับปริญญาตรีสามารถเรียนปริญญาเอกควบคู่กันได้เลย เมื่อเรียนจบจะได้ทั้งวุฒิปริญญาตรีและปริญญาเอก แต่ไม่ได้วุฒิปริญญาโท หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาและรับผิดชอบตัวเองได้ดี“ปัจจุบันหลักสูตรโลจิสติกส์ มีเปิดการสอนอย่างแพร่หลาย ผลกระทบด้านยอดผู้เรียนก็ต้องมีบ้าง แต่สำหรับม.หอการค้า ยังคงมีผู้นิยมมาเรียน เพราะมั่นใจในคุณภาพ ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนโลจิสติกส์ และเป็นที่เดียวที่มีทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก อีกทั้งมีเครือข่ายที่กว้างขวาง ถือว่าเป็นจุดแข็งที่สามารถช่วยต่อยอดให้ผู้เรียนได้” ผศ.ดร.วัชรวี กล่าว