กรุงเทพประกันภัย หวั่นปัจจัยลบหลายด้านกระทบต่อธุรกิจประกันภัย ขณะที่แผนช่วงครึ่งปีหลัง มุ่งการเติบโตด้านประกันภัยรถยนต์ เดินหน้าขยายฐานกลุ่มรถใหญ่ พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่โฟกัสเฉพาะกลุ่ม รวมถึงขยายงานออกสู่ต่างจังหวัดเพิ่ม คาดสิ้นปีเบี้ยประกันภัยรับรวมถึง 2 หมื่นล้านบาท โต 19%

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวถึงทิศทางธุรกิจประกันภัยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 นี้ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้านไม่ว่า จะเป็นเรื่องของการส่งออกจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ยอดการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ถดถอย -2.1% เดือนมิถุนายน (ที่มา:Toyota Motor Thailand: ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่สะสมเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2562 ขยายตัวได้ 7.1%) รวมถึงผลจากการกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้หดตัว 36.9% (ที่มา: BAM) นอกจากนี้ยังมีเรื่องแผนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐโครงการใหม่ๆ มีแนวโน้มที่จะเลื่อนออกไป ประกอบกับกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าเกษตรหลักยังตกต่ำต่อเนื่อง

ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับแผนของกรุงเทพประกันภัยในช่วงครึ่งปี 2562 นี้จะเน้นการรับประกันภัยอย่างมีคุณภาพ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาดจะยังคงเป็นประกันภัยรถยนต์ ซึ่งกรุงเทพประกันภัยเองได้มีการเติบโตในภาคประกันภัยรถยนต์เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าอัตราสินไหมทดแทน Loss Ratioในตลาดตอนนี้มี อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนต่อค่าเบี้ยประกันภัยค่อนข้างสูงในค่าเฉลี่ยรวม เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีบริษัทประกันภัยจำนวนไม่น้อยที่มีการเติบโตในเชิงเบี้ยประกันภัยรับเพราะเกิดจากการตัดราคากันเองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ได้ประสบกับสภาวะขาดทุนค่อนข้างมาก ตั้งแต่กลางปี 2561 จนถึงปัจจุบัน และทำให้หลายบริษัทเริ่มมีการปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ขึ้น เหตุนี้จึงทำให้ผู้ประกันภัยเกิดการโอนมายังกรุงเทพประกันภัย ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ทำให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์ของกรุงเทพประกันภัยมีการเติบโตค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยยังมุ่งให้ความสำคัญกับรถบรรทุกและรถพ่วงด้วย ซึ่งถือเป็นอีกกลุ่มงานหนึ่งที่มีการเติบโตไปตามทิศทางเศรษฐกิจ เพราะว่าประเทศ ไทยได้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีการพัฒนาอุตสาหกรรมหลากหลายด้าน และไทยเองถือเป็นแลนด์มาร์คเชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียน ร่วมไปถึงการจัดทำโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ทำให้เกิดการขนส่งสินค้าข้ามแดนไปยังประเทศต่างๆ มีมากขึ้น และทำให้เกิดการขยายงานด้านโลจิสติกส์ค่อนข้างมาก ซึ่งผลจากการศึกษาของกรุงเทพประกันภัย ทำให้ได้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มงานรถบรรทุก รถพ่วง และรถหัวลาก ด้วยการทำราคา ซึ่งมองว่าบริษัทจะสามารถสร้างดุลยภาพงานได้ ส่งผลให้ที่ผ่านมามีการเติบโตค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังแผนงานดังกล่าวจะยังคงเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าสิ้นปี 62 กรุงเทพประกันภัยจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2 หมื่นล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้น 19%