กระทรวงการคลัง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย หลังพบหลักฐานต่อนายทะเบียนมีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นฐานะการเงิน โดยพบมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สินมากถึง 267.78 ล้านบาท ส่งผลให้มองว่าฐานะการเงินไม่มั่นคง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งที่ 1213/2561 ลงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของเจ้าพระยาประกันภัยแล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
ขณะที่ทางด้าน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงในข้อกฎหมายและความเป็นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดจนได้เตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับมิให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ ตามที่ปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียน พบว่า บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีฐานะการเงินไม่มั่นคง จากการดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน และยื่นงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ของบริษัทไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหลายครั้ง มีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นฐานะการเงินหรือการดำเนินการ โดยบันทึกรายการหนี้สินจากการประกันภัยต่อและเงินสำรองค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับรายงานแล้ว ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ คปภ. ไม่ทราบฐานะการเงิน ที่แท้จริงของบริษัท และไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระผูกพันที่มีต่อ ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ จึงเป็นกรณีที่บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน และ มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้หยุดรับประกันภัยวินาศภัยเป็นการชั่วคราว และสั่งการให้บริษัทแก้ไขฐานะและการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยให้เจ้าหนี้ของบริษัทได้ตกลงหรือยินยอมเข้าร่วมโครงการแปลงหนี้เป็นทุนกับบริษัทตามคำร้องขอขยายระยะเวลา ภายในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ให้ขยายระยะเวลาแก้ไขฐานะและการดำเนินการออกไปจนถึงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561 แต่ปรากฏว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลากลับไม่ปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า เจ้าหนี้ของบริษัทได้ตกลงหรือยินยอมเข้าร่วมโครงการแปลงหนี้เป็นทุนกับบริษัทแต่อย่างใด อีกทั้งบริษัทยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะและการดำเนินการได้ครบถ้วน ซึ่งบริษัทเจ้าพระยาประกันภัยมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จำนวน 267.78 ล้านบาท
เหตุนี้ จึงทำให้มองเห็นว่า บริษัทเจ้าพระยาประกันภัยมีฐานะการเงินหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงมีมติให้เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณามีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีฐานะการเงินไม่มั่นคง ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายหลายประการ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน และไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของบริษัทได้ภายในระยะเวลาที่สมควร ถ้าให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้เอาประกันภัย ตลอดจนความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน)