‘พิพัฒน์‘ ดันไทยสู่ ’ฮับการบิน‘ อาเซียน รับผู้โดยสารฟื้นตัวจากช่วงโควิดกว่า 85% สั่งเร่งพัฒนา MRO สร้างรายได้-เพิ่มการจ้างงาน
“พิพัฒน์” เดินหน้าดัน “ไทย” สู่ ”ศูนย์กลางการบินอาเซียน“ วาง 3 ปัจจัยหลัก ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ เชื่อมการบินกับเศรษฐกิจ เผยปัจจุบันมีโดยสารทางอากาศกว่า 140 ล้านคน ฟื้นตัวจากช่วงโควิด 85% พร้อมสั่งเร่งพัฒนา ”ศูนย์ซ่อมอากาศยาน“ ในประเทศ สร้างรายได้–จ้างงาน–เพิ่มโอกาสใหม่ให้คนไทย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยวิสัยทัศน์ในงานสัมมนา “Skyconomy: Thailand’s Runways to Aviation Hub” วันนี้ (28 ต.ค. 2568) ว่า การผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค (Aviation Hub) ไม่ใช่เพียงเรื่องของสนามบินหรือสายการบินเท่านั้น แต่คือ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่” ที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ เกิดการจ้างงานในทุกภาคส่วน ตั้งแต่แรงงานภาคพื้น ผู้ผลิตอาหาร ไปจนถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโลจิสติกส์

สำหรับขณะนี้ ประเทศไทยมีผู้โดยสารทางอากาศกว่า 140 ล้านคนต่อปี ฟื้นตัวแล้วกว่า 85% ของช่วงก่อนโควิด-19 สะท้อนศักยภาพของไทยที่จะก้าวขึ้นเป็น “ประตูการบินแห่งอาเซียน” โดยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดแนวทางพัฒนาอย่างครบวงจรใน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน บริการ และความปลอดภัย
1.โครงสร้างพื้นฐาน – เพิ่มขีดความสามารถสนามบินทั่วประเทศ เร่งพัฒนาสนามบินหลัก เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น พร้อมปรับภาพลักษณ์สนามบินทั่วประเทศให้ “สะอาด–สว่าง–สวยงาม” และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงการวางแผนให้จังหวัดศักยภาพอื่น ๆ เช่น กระบี่ พังงา และอีสานตอนบน เป็น “สนามบินรอง” เชื่อมการบินสู่ภูมิภาค ลดความแออัดของสนามบินกรุงเทพฯ

2.บริการ – เพิ่มความสะดวกทุกมิติ เชื่อมต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น มอบนโยบายให้ท่าอากาศยานทุกแห่งพัฒนาบริการให้สะดวก ปลอดภัย และไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระบบจราจรทางอากาศไปจนถึงภาคพื้น พร้อมส่งเสริมเส้นทางบินใหม่เชื่อมเมืองท่องเที่ยวไทยกับทั่วโลก ทั้งนี้ การบินต้องกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยให้แต่ละจังหวัดใช้จุดแข็งของตนเอง เช่น การผลิตอาหารคุณภาพสูงขึ้นเครื่อง (In-flight catering) ผลิตโดยผู้ประกอบการท้องถิ่น สะท้อนแนวคิด “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ให้ผู้โดยสารทั่วโลกได้สัมผัสเอกลักษณ์ไทยตั้งแต่บนฟ้า
ในด้านบริการภาคพื้น (Ground Handling) ได้มอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพิ่มผู้ประกอบการจาก 2 รายเป็น 3 ราย เพื่อเพิ่มทางเลือก ลดปัญหาความล่าช้า และดูแลแรงงานภาคพื้นไม่ให้ทำงานเกินศักยภาพ ซึ่งจะยกระดับคุณภาพบริการและลดความเหนื่อยล้าของพนักงานโดยตรง

3.ด้านความปลอดภัย – ไทยต้องรักษามาตรฐานโลก และเร่งพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดจาก ICAO และ FAA ซึ่งต้องรักษาไว้อย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ทำหน้าที่ทั้งกำกับ ดูแล และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการพัฒนา MRO ภายในประเทศ เพราะหากไทยต้องการเป็น Aviation Hub จริงจัง จะต้องสามารถให้บริการซ่อมบำรุงได้เอง ไม่ต้องส่งเครื่องบินไปซ่อมต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้มหาศาลและเพิ่มโอกาสการจ้างงานคนไทยด้านเทคนิค
แนวทางทั้งหมดดังกล่าวนี้ คือ การขับเคลื่อน 3Ps — ผู้โดยสาร (Passenger) เครื่องบิน (Plane) และสินค้า (Payloads) ให้เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคได้แน่นอน” นายพิพัฒน์ กล่าว