พับแผน! ย้าย 3 สถานีขนส่ง บขส. ลุยทุ่มงบ 3.6 พันล้าน รีโนเวท ‘หมอชิต 2’ คาดโฉมใหม่สร้างเสร็จปี 72

“มัลลิกา” สั่งพับแผนย้าย 3 สถานีขนส่ง “หมอชิต 2-เอกมัย-สายใต้” ไปรวมที่สถานีกลางฯ โมเดลสถานีฮากาตะ ญี่ปุ่น ย้ำชัด! ให้อยู่ที่เดิม เร่งพัฒนาให้ดีขึ้น จัด Feeder เชื่อมขนส่งอื่นให้ครอบคลุม ด้าน บขส. เตรียมเสนอของบปี 70 กว่า 3.6 พันล้าน รีโนเวท “หมอชิต 2” พ่วงพื้นที่อู่หมอชิต ขสมก. รวม 100 ไร่ จ่อชงคมนาคม พ.ย. นี้ เสนอสภาพัฒน์เห็นชอบในปี 69 เริ่มตอกเข็มปี 70 คาดสร้างเสร็จปี 72 พลิกโฉมการให้บริการรถทัวร์

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ยุคของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีแนวคิดศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์นั้น ขณะนี้ ยังไม่มีแนวคิด หรือนโยบายย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าวไปพื้นที่อื่น โดยยังให้อยู่ที่เดิม แต่ต้องมีการพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆ อย่างครอบคลุม

ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ขณะนี้ บขส. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ขนาดพื้นที่ 80 ไร่ โดยในปี 2568 บขส. ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินจำนวน 39 ล้านบาท เพื่อจ้างที่ปรึกษาพัฒนาพื้นที่สถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ซึ่งตอนนี้ผลการศึกษาแล้วเสร็จ และเตรียมเสนอของบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณ 2570 วงเงิน 3,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ในพื้นที่เดิมที่ให้บริการอยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการประชาชน

สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ โครงการฯ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาอนุมัติภายใน พ.ย. 2568 ก่อนเสนอไปยังสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เห็นชอบตามกระบวนการภายในปี 2569 โดยหากได้รับจัดสรรงบประมาณ คาดว่า จะเริ่มพัฒนาในปี 2570 ใช้ระยะเวลา 3 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ตามแผน

ทั้งนี้ แผนพัฒนาดังกล่าว แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสาร ชานชาลา อาคารรับ – ส่ง พัสดุภัณฑ์ สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) จุดบริการชาร์จรถโดยสารไฟฟ้าในอนาคต จุดจอดแท็กซี่ จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ และรถแท็กซี่ รวมถึงที่พักพนักงาน พร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่ด้านข้าง บริเวณอู่หมอชิต ขนาดพื้นที่ 20 ไร่ สร้างเป็นจุดพักคอยผู้โดยสาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปดำเนินการพิจารณาและศึกษาแนวทาง การย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีอื่นๆ

สำหรับรูปแบบแนวคิดที่จะดำเนินการ จะศึกษาโดยใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในประเทศไทย อาทิ สถานีฮากาตะ ซึ่งเป็นสถานีโดยสารอาคารสูง ภายในอาคารมีศูนย์อาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้บริการอย่างครบถ้วน ซึ่งในแต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง ตามภูมิภาค และจังหวัดอย่างชัดเจน

โดยจะออกแบบเป็นสถานีขนส่งในรูปแบบอาคารสูง และกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน โดยการพัฒนาอาคารสูงจะแบ่งชั้นการให้บริการอย่างชัดเจน เช่น ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินไปทางภาคใต้ และภาคตะวันตก ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคเหนือ ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออก และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร (กทม.)

นอกจากนี้ ตัวอาคารผู้โดยสารจะมีการพิจารณาออกแบบเป็นชั้นใต้ดินสำหรับให้รถเมล์ ขสมก. รวมถึงสำหรับรถแท็กซี่ เพื่อให้เข้ามารับส่งผู้โดยสาร ขณะที่ในส่วนของชั้นที่สูงขึ้นไป จะออกแบบเพื่อทำเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมีที่พักคอยก่อนจะถึงเวลารถออก และรายได้จากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ สามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุงรักษาตัวอาคารผู้โดยสารได้อีกด้วย