‘มัลลิกา‘ สั่ง บขส. ปรับตัวให้เป็น ’เอกชน‘ ดึงผู้โดยสาร-สร้างรายได้ คาดปี 69 ฟันกำไร 30 ล้านในรอบ 7 ปี
“มัลลิกา” มอบนโยบาย บขส. เน้นย้ำความปลอดภัย ดูแลความสะอาดสถานีขนส่งทั่วประเทศ สั่งปรับตัวให้เหมือน “เอกชน” ยกระดับการให้บริการ-ดึงผู้โดยสาร-เพิ่มรายได้ เผย “รถทัวร์” เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสแน่นอน ด้าน “MD บขส.” อัพเดทแผนเช่ารถโดยสารใหม่ 311 คัน มูลค่า 3 พันล้าน ทยอยรับมอบเดือนนี้ 90 คัน ครบ ธ.ค. 68 ฝันปี 69 ฟันกำไรในรอบ 7 ปี กว่า 30 ล้าน มีผู้โดยสาร 4 ล้านคน
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายและตรวจเยี่ยม บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) วันนี้ (17 ต.ค. 2568) ว่า ได้มอบหมายให้ บขส. ดำเนินงานและโครงการที่สำคัญ โดยเน้นการให้บริการประชาชนในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมทั้งการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อแบบ Feeder Service ทั้งระบบ ล้อ ราง เรือ และอากาศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ พนักงานขับรถจะต้องคำนึงด้านความปลอดภัยสูงสุด มีการตรวจปัสสาวะ และแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนนำรถออกให้บริการประชาชน รวมถึงระยะเวลาในการขับรถให้เป็นไปตามที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด พร้อมทั้งจะต้องดูแลความสะอาดของสถานีขนส่งฯ และจุดจอดรถทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน บขส. จะต้องปรับตัว และยกระดับการให้บริการให้เสมือนเป็นเอกชน ที่จะต้องดึงดูดผู้โดยสารมาใช้บริการ และสร้างรายได้ให้มากขึ้นด้วย
ขณะที่ โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกมิติ โดยเฉพาะในส่วนของการคมนาคมขนส่งสาธารณะนั้น ยืนยันว่า บขส. และรถบริการร่วมเอกชน จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งครั้งแรก ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ขบ. ไปดำเนินการรวบรวมผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการทั้งหมด ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้โครงการฯ ตามที่รัฐบาลกำหนดในวันที่ 29 ต.ค. 2568 ต่อไป
ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเช่ารถโดยสาร จำนวน 311 คัน มีบริษัท อิทธิพร อิมปอร์ต จำกัด เป็นคู่สัญญา ระยะเวลาเช่า 5 ปี วงเงินกว่า 3,018 ล้านบาท คาดว่า จะนำรถโดยสารใหม่ให้บริการประชาชนภายในปี 2568 เพื่อใช้ทดแทนรถโดยสารเช่าที่หมดสัญญาและรถโดยสาร บขส. ที่ปลดระวาง
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บขส. รับมอบรถโดยสารใหม่มาแล้ว จำนวน 3 คัน ส่วนที่เหลือ อยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อแล้วเสร็จจะทยอยส่งมอบรถโดยสารแบ่งเป็น 3 งวด ประกอบด้วย งวดแรกจะรับรถโดยสาร จำนวน 90 คัน ภายในเดือนนี้ จากนั้นงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จะรับมอบรถโดยสารเฉลี่ยเดือนละ 100 กว่าคัน โดยจะครบ 311 คันภายใน ธ.ค. 2568
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2569 นั้น คาดการณ์ว่า บขส. จะมีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 ที่มีรายได้ 2,200 ล้านบาท และจะมีกำไรประมาณ 30 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมา ขาดทุนประมาณ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าในปี 2569 จะกลับมากำไรในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนจำนวนผู้โดยสาร ตั้งเป้าว่า จะมีกว่า 4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 2.7 – 2.8 ล้านคน
รายงานข่าวจาก บขส. ระบุว่า สำหรับโดยรถโดยสารใหม่ที่จะนำมาให้บริการมีขนาดความยาว 12 เมตร 3 มาตรฐาน ได้แก่ 1.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 VIP (ม.1ก) จำนวน 24 ที่นั่ง 2.รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 พิเศษ (ม.1พ) จำนวน 32 ที่นั่ง และ 3.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 (ม.1ข) จำนวน 36 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)
นอกจากนี้ ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีระบบความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบ GPS กล้อง CCTV และภายในรถจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องน้ำ ช่องเก็บสัมภาระ ช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จไฟ และบริการ WiFi ฟรี โดยจะนำมาให้บริการประชาชนในทุกเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อใช้ทดแทนรถโดยสารเช่าที่หมดสัญญาและรถโดยสาร บขส. ที่ปลดระวาง ปัจจุบัน บขส. มีรถโดยสารให้บริการทั้งหมด 254 คัน