‘มัลลิกา’ มอบ 5 แนวทาง รับจราจรทางอากาศโตต่อเนื่อง บวท. วางเป้าปี 69 เที่ยวบินแตะ 1 ล้านไฟลท์ ฟื้นตัวเท่าช่วงก่อนโควิด

“มัลลิกา” มอบนโยบาย “วิทยุการบินฯ” ชู 5 แนวทาง เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ พัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มความปลอดภัยการบิน ตั้งเป้าปี 69 เที่ยวบินแตะ 1 ล้านไฟลท์บิน ฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่าก่อนช่วงโควิด-19 เผย “เอเชียแปซิฟิก” ยังครองแชมป์การบินโตต่อเนื่อง

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2568 ว่า ได้เน้นย้ำให้ บวท. ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงคมนาคม “คมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนทุกคน“ โดยมีแนวทางสำคัญ 5 ข้อ คือ 1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการให้บริการการเดินอากาศ นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ

2.ปรับปรุงเส้นทางบินและพัฒนาโครงสร้างห้วงอากาศ ให้สามารถรองรับปริมาณจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.บูรณาการแผนการดำเนินงาน แผนปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต สนามบินภูมิภาคต่าง ๆ และจัดเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการการเดินอากาศ ณ สนามบินอู่ตะเภา 4.วางรากฐานคมนาคมสำหรับอนาคต และ 5.บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานการบิน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน”

ด้านนายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า วิทยุการบินฯ จะนำนโยบายและแนวทางดังกล่าวมาดำเนินการ โดยมีแผนจะปรับปรุงพัฒนาระบบ Thailand Modernization CNS/ATM System และระบบสำรองฉุกเฉิน รวมถึงออกแบบพื้นที่ห้วงอากาศ เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจราจรทางอากาศ เพิ่มความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน พร้อมทั้งพัฒนาระบบติดตามอากาศยาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดทางการบิน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสายการบินผู้ใช้บริการแล้ว ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการบินของโลก

ทั้งนี้ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปีนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายให้ บวท. เร่งขับเคลื่อน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการบิน และการจราจรทางอากาศ เพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินที่คาดการณ์ว่า จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับการจราจรทางอากาศในช่วงไฮซีซั่น เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากช่วงโลว์ซีซั่นที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2568 พบว่า มีเที่ยวบิน 2,300 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงโลว์ซีซั่น ที่มีเที่ยวบินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,100 เที่ยวบินต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในช่วงปลายปีนี้ จะมีเที่ยวบินสูงถึง 2,500 เที่ยวบินต่อวัน ส่วนภาพรวมการจราจรทางอากาศในปีงบประมาณ 2568 นั้น มีเที่ยวบินอยู่ที่ประมาณ 9 แสนเที่ยวบิน ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2568 ที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2569 ปริมาณเที่ยวบินจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน ถือว่า เริ่มกลับมาฟื้นตัวเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อปี 2562 ที่มีเที่ยวบินอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านเที่ยวบิน ภายใน 10 ปี

ขณะที่ สายการบินระหว่างประเทศที่ทำการบินมายังประเทศไทย และผ่านน่านฟ้าไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ต.ค. 2568) พบว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังครองอันดับที่ 1 ที่มีเที่ยวบินอยู่ที่ประมาณ 1,245 เที่ยวบินต่อวัน ส่วนยุโรป อยู่อันดับที่ 2 มีเที่ยวบินอยู่ที่ประมาณ 106 เที่ยวบินต่อวัน รองลงมา คือ ตะวันออกกลาง อยู่ที่ประมาณ 94 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายประเทศ พบว่า จีน ยังมีปริมาณเที่ยวบินสูงสุด อยู่ที่ 248 เที่ยวบินต่อวัน ส่วนรองลงมา ตามลำดับ คือ อินเดีย อยู่ที่ 137 เที่ยวบินต่อวัน, มาเลเซีย 128 เที่ยวบินต่อวัน, สิงคโปร์ 119 เที่ยวบินต่อวัน, เวียดนาม 92 เที่ยวบิน, เกาหลีใต้ 66 เที่ยวบินต่อวัน, ญี่ปุ่น 65 เที่ยวบินต่อวัน, รัสเซีย 28 เที่ยวบินต่อวัน, ออสเตรเลีย 17 เที่ยวบินต่อวัน, สหราชอาณาจักน 12 เที่ยวบินต่อวัน, ฝรั่งเศส 9 เที่ยวบิน เป็นต้น