ถกด่วน! UTA ขู่ฉีกสัญญา ‘เมืองการบิน’ 2.9 แสนล้าน-เรียกเงินลงทุนคืน 4 พันล้าน เดดไลน์ 1 เดือน หลังยืดเยื้อมาแล้วกว่า 5 ปี
UTA ถกด่วนเย็นนี้! จ่อฉีกสัญญา “เมืองการบิน” มูลค่า 2.9 แสนล้าน ขีดเส้น 1 เดือน พร้อมขู่เรียกเงินลงทุนคืน 4 พันล้าน หากรัฐยังไร้ข้อสรุป-รอไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน หลังล่าช้ามากว่า 5 ปี เร่ง EEC ชง ครม. ปรับลดขนาดการลงทุน เฟสแรกรับผู้โดยสารปีละ 3 คน ส่วน MRO ชัดเจนแล้ว แยกพื้นที่รับผิดชอบ BA เตรียมลงทุน 1 พันล้าน พื้นที่ 30 ไร่ สร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานลำตัวแคบ
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 2.9 แสนล้านบาทว่า ในช่วงเย็นของวันนี้ (1 ก.ย. 2568) จะมีการประชุมหารือภายในของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ถึงการพิจารณาว่า จะตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ เนื่องจากมีความล่าช้า และยังไม่มีความชัดเจนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งกรอบระยะเวลาตามสัญญาจะต้องดำเนินการภายใน มิ.ย. 2568
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันครบกำหนดแล้วนับตั้งแต่วันลงนามสัญญา ประมาณ 5 ปี แต่ยังไม่มีมีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น จึงถือว่าภาครัฐทำผิดข้อกำหนด โดย โดยโดยจะให้เวลาอีก 1 เดือน หากยังไม่มีความชัดเจนก็จะยกเลิกสัญญา พร้อมทั้งจะขอเงินที่ได้ลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาทคืนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในฐานะคู่สัญญาคืนด้วย
นอกจากนี้ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างรอการพิจารณาการปรับลดขนาดการลงทุนจาก EEC เนื่องจากแผนเดิมการพัฒนาในระยะที่ 1 (เฟสแรก) จะต้องรับได้ผู้โดยสารได้ที่ 12 ล้านคนต่อปี ต่อมาทาง UTA ต่อรองให้เริ่มต้นรองรับผู้โดยสารที่ 3 ล้านคนต่อปีก่อน เนื่องจากผู้โดยสารในปัจจุบันของท่าอากาศยาน มีอยู่เพียง 4 แสนคนต่อปี ขณะที่อาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบันก็ยังสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2-3 ล้านคนต่อปี
อย่างไรก็ตาม หากจำนวนผู้โดยสารเติบโตขึ้น ก็จะทยอยลงทุนให้รองรับได้ที่ 6 ล้านคนต่อปี 8 ล้านคนต่อปี 12 ล้านคนต่อปีตามลำดับ และรองรับได้ 60 ล้านคนต่อปี ในระยะเวลา 50 ปี ซึ่ง EEC จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาปรับลดขนาดการลงทุนดังกล่าว แต่ด้วยที่ผ่านมา ยังไม่มีการเสนอไปยัง ครม. ประกอบกับตอนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า จะได้ข้อสรุปอย่างไร
นายพุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการร่วมลงทุนโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในพื้นที่ EEC ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภากับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ล่าสุดได้นำเสนอรายละเอียดถึงขอบเขตในการบริหารงานโครงการว่าจะดำเนินการในลักษณะรูปแบบไหนไปยัง EEC พิจารณาแล้ว เพื่อที่จะให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานของแต่ละฝ่าย ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้น จะมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบกัน โดยในส่วนของ BA จะรับผิดชอบพื้นที่ขนาด 30 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 200 ไร่ วงเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ BA จะดำเนินการซ่อมอากาศยานลำตัวแคบ อาทิ เครื่องบินแอร์บัส A320 และแอร์บัส A319 ในขณะที่การบินไทยจะดูแลเครื่องบินลำตัวกว้าง โดยทั้งสองฝ่ายจะสร้าง โรงซ่อมบำรุงเครื่องบิน (Hangar) แยกกัน