AOT เปิดพื้นที่ 6 ทำเลทองรอบสนามบิน 2.5 พันไร่ ดึงเอกชนลงทุน 2.8 หมื่นล้าน ปั้นแลนด์มาร์กใหม่-หนุนไทยฮับการบิน
AOT จัดงาน “AOT Property Showcase: The Six Pillars of Opportunity” ชวนเอกชนร่วมลงทุนพื้นที่ศักยภาพสูงรอบ 6 สนามบิน กว่า 2,512 ไร่ มูลค่ากว่า 28,800 ล้าน หวังปั้นแลนด์มาร์กใหม่ จัดเต็มพัฒนาโลจิสติกส์-โรงแรม-คอมเพล็กซ์-สมาร์ทซิตี้ หนุนไทยสู่ Aviation Hub ระดับภูมิภาค
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยภายในงาน AOT Property Showcase: The Six Pillars of Opportunity วันนี้ (29 เมษายน 2568) ว่า การจัดงานในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของ AOT ในการพัฒนาและบริหารจัดการ ท่าอากาศยานให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและความปลอดภัย รวมทั้งสร้างรายได้อย่างสมดุลควบคู่ไปกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ศักยภาพสูง
ทั้งนี้ AOT มีเป้าหมาย เพื่อเชิญชวนนักลงทุนและผู้ประกอบการเข้ามาร่วมค้นหาโอกาสทางธุรกิจจากพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยาน แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มูลค่าการพัฒนาโครงการกว่า 28,800 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 46 แปลง คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 2,512 ไร่ โดยมีทั้งที่ราชพัสดุ และที่ดินกรรมสิทธิ์ ซึ่งเป็นส่วนของพื้นที่ราชพัสดุ Leasehold ที่ AOT เช่าจากกรมธนารักษ์ 73% และเป็นพื้นที่กรรมสิทธิ์แบบ Freehold ที่ AOT ถือกรรมสิทธิ์เอง
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) แปลง “Airport Business” 4 แปลง รวม 548 ไร่ (Leasehold) ที่ดินทำเลทองภายในสนามบิน ใกล้ศูนย์ขนส่งสาธารณะ ติดถนนสุวรรณภูมิ 4 และถนนสุวรรณภูมิ 2 เชื่อมต่อกับถนนลาดกระบัง และถนนบางนา-ตราด และห่างจากอาคารผู้โดยสารเพียง 9 นาที แปลง A2, B, C และ D เหมาะสำหรับ Medical Hub & Wellness Center / Convention Hall & Exhibition Center / Hotel & Residential Area และแปลง “ศูนย์บริการและสนับสนุนกิจการท่าอากาศยาน” ที่ดิน (Freehold) 7 แปลง ขนาดรวม 462 ไร่ มีถนนและสะพานยกระดับเชื่อมจากภายนอกเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าออก ผ่านทางถนนลาดกระบัง-วัดศรีวารีน้อย ได้ด้วยถนน 4 เลน และห่างจากอาคารผู้โดยสารเพียง 15 นาที เหมาะสำหรับ Logistics & Transportation Hub ศูนย์จัดการสินค้าเกษตร Hotel & Residential Area
ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) : อาคาร Junction Building พื้นที่เชิงพาณิชย์ 12,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 3 ชั้น รองรับการใช้งานกว่า 1,000 ช่องจอด และมีโครงการพัฒนาต่อเนื่องเป็นโรงแรม และอาคารจอดรถเพิ่มเติม
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (CNX) : ที่ดิน 3 แปลง ทำเลทองรวม 19 ไร่ (Leasehold) ติดถนนเชียงใหม่ – หางดง เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารเพียง 13 นาที ในย่านชุมชน และสถานีขนส่งจังหวัด เหมาะสำหรับ Hotel & Residential Area / Office & Business Center / Commercial & Lifestyle Complex
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI) : ที่ดินแปลงสวยขนาดใหญ่ บนที่ตั้งของสนามบิน รวม 762 ไร่ เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารภายใน 5 นาที และเดินทางเข้าออกเมืองสะดวก ติดถนนเชื่อมต่อเมือง และสนามบิน เหมาะสำหรับ Hotel & Residential Area / Office & Business Center / Commercial & Lifestyle Complex / Premium Outlet / Logistics & Transportation Hub
ท่าอากาศยานภูเก็ต (HKT) : ที่ดินแปลงเด่น 7 แปลง รวม 192 ไร่ (Freehold) ใกล้ถนนเทพกษัตรี – ในยาง แปลงทำเลทองที่ติดถนนหลักเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารเพียง 6 นาที รองรับกิจกรรมหลากหลายในการพัฒนา อาทิ Hotel & Residential Area / Convention Hall & Exhibition Center / Medical Hub & Wellness Center
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (HDY) : ที่ดิน 4 แปลงใหญ่ 15 แปลงย่อย รวม 502 ไร่ (Leasehold) ที่ดินให้เลือกพัฒนาที่ตั้งภายในและภายนอกสนามบิน ติดถนนหลักเชื่อมต่อเมืองและสนามบิน เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารเพียง 5 นาที เหมาะสำหรับ Hotel & Residential Area / Office & Business Center / Commercial & Lifestyle Complex / Logistics & Transportation Hub
นางสาวปวีณา กล่าวต่อว่า พื้นที่ดังกล่าว จะเปิดให้พัฒนาภายใต้รูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว เวลาสัมปทานสูงสุดถึง 30 ปี ทั้งบนที่ราชพัสดุ (Leasehold) และที่ดินกรรมสิทธิ์ (Freehold) ของ AOT เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการหลากหลายรูปแบบ อาทิ ศูนย์โลจิสติกส์ คลังสินค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์การค้า โรงพยาบาล สนามกีฬา รวมถึงโครงการด้านที่อยู่อาศัยและเมืองอัจฉริยะสมัยใหม่ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ติดถนนสายหลัก ใกล้สนามบิน และเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ
สำหรับพื้นที่รอบๆ 6 สนามบินของ ทอท. นั้น มีความพร้อมพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง Aviation Hub แห่งภูมิภาคเอเชีย โดยโครงการนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Hub) ในหลายภูมิภาคของประเทศ สร้างการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อม เสริมสร้างมูลค่าเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าอากาศยานไทยในระดับสากล ซึ่ง AOT พร้อมเปิดรับความร่วมมือจากนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ
ด้านนายศิโรตม์ ดวงรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด) AOT กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ใหม่ของ AOT มุ่งเน้นการใช้ทรัพย์สินโดยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ ซึ่งถือเป็นการสร้างประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยูให้เป็นรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการด้านการบินเพิ่มเติม และตอบโจทย์การเติบโตของเมือง ศูนย์กลางการเดินทาง และการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ ในส่วนของการเตรียม ความพร้อม AOT ได้กำหนดอัตราค่าเช่าที่ดินอย่างเหมาะสม โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 4 บาท/ตารางวา/เดือน ถึง 240 บาท/ตารางวา/เดือน
ขณะเดียวกัน มีการจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น สิทธิ์การเช่า และรูปแบบธุรกิจที่ยืดหยุ่น เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ ภายใต้ระบบที่โปร่งใส ยืดหยุ่น และเป็นธรรม โดย AOT พร้อมอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง รวมถึงจัดกิจกรรม Property Tour เพื่อพาผู้สนใจเยี่ยมชมพื้นที่จริง พร้อมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับที่ตั้ง โครงการ และอัตราค่าเช่า เพื่อเสริมสร้าง ความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุน
ขณะที่ ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการ TDRI Economic Intelligence Service สถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า การบริหารทรัพย์สินรอบสนามบินที่มีศักยภาพต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคและการกระจายศูนย์กลางการลงทุน เป็นโอกาสสำหรับภาคการท่องเที่ยวและบริการที่ยังคงเป็นความหวังสำคัญของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีแนวโน้มจะเปลี่ยนรูปแบบจากการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ ไปสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่เน้นมูลค่าเพิ่ม และความยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่ การสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ควบคู่ไปกับการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านธุรกิจการบินของประเทศ ผ่านการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสนามบิน