เปิดทำเล! พัฒนาพื้นที่ ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ ลุยสร้าง Bus Terminal ใช้พื้นที่แปลง A2-กระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ ยึดแปลง E1
“การรถไฟฯ” เตรียมเปิด 2 พื้นที่ทำเล “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” ให้ อทส. เช่า เดินหน้าแปลง A2 กว่า 10 ไร่ สร้างอาคารสูง Bus Terminal ตามโมเดลประเทศญี่ปุ่น พื้นที่ใช้สอย 7.6 หมื่น ตร.ม. เร่งศึกษาเสร็จใน 1 ปี พร้อมเล็งใช้แปลง E1 กว่า 23 ไร่ ผุดสร้างอาคารอัจฉริยะ “กระทรวงคมนาคม” แห่งใหม่ 7 อาคาร จัดเต็มห้องประชุม-ศูนย์ One Stop Service-ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการ-อาคารจอดรถ 1,550 คัน คาดแล้วเสร็จปี 71
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมมีแผนย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) มาตั้งอยู่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสาร (Bus Terminal) มีต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่นนั้น
ทั้งนี้ เบื้องต้น Bus Terminal จะอยู่ที่แปลง A2 ขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการออกแบบคอนเซ็ปต์ของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฯ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังเตรียมเปิดให้เช่าพื้นที่แปลง E1 ขนาดพื้นที่ 23.35 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณคลังพัสดุสื่อสาร บางซื่อ โรงงานสื่อสาร และคลังพัสดุของการรถไฟฯ เพื่อก่อสร้างอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการออกแบบคอนเซ็ปต์ของ อทส. เช่นเดียวกัน
รายงานข่าวจากการรถไฟฯ ระบุว่า ในส่วนของรูปแบบการลงทุน (Business Model) Bus Terminal นั้น แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1 ให้เอกชนเช่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการฯ โดย อทส. เช่าที่ดินจากการรถไฟฯ และนำที่ดินแปลงดังกล่าว ให้เอกชนเช่าในอัตราค่าเช่าตามระเบียบที่กำหนดไว้ ซึ่งเอกชนจัดหาเงินทุนมาพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 4 ปี และบริหารโครงการจนสิ้นสุดระยะสัญญาเช่าที่ดิน หลังสิ้นสุดสัญญาเช่าที่ดิน ให้เอกชนส่งมอบทรัพย์สินให้ อทส.
ด้านรูปแบบที่ 2 การแปลงสิทธิการใช้ที่ดินเป็นทุน เป็นการร่วมทุนระหว่าง อทส. กับเอกชน สัดส่วนการลงทุนระหว่าง อทส. : เอกชน เท่ากับมูลค่าของค่าเช่าที่ดินตลอดระยะเวลาโครงการ : เงินลงทุนพัฒนาโครงการ โดย อทส. รับภาระค่าเช่าที่ดินที่ต้องจ่ายให้การรถไฟฯ ซึ่งเอกชนรับผิดชอบเงินลงทุนพัฒนาโครงการฯ ในกรณีที่เอกชนต้องกู้เงินมาลงทุน เอกชนต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยเองทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการบริหารโครงการจะแบ่งกันระหว่าง อทส. กับ เอกชนตามสัดส่วนทุนที่กำหนดไว้ และเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าที่ดินให้โอนทรัพย์สินให้ อทส.
สำหรับ Bus Terminal ตั้งอยู่ในพื้นที่แปลง A2 พื้นที่ใช้สอยประมาณ 76,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) พัฒนาในรูปแบบอาคารสูง แบ่งชั้นการให้บริการอย่างชัดเจน อาทิ ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินไปทางภาคใต้ และภาคตะวันตก ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคเหนือ ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออก และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร (กทม.)
โดยในอาคาร Bus Terminal จะมีพื้นที่หลากหลาย ครอบคลุมการให้บริการผู้โดยสาร เช่น จุดจำหน่ายตั๋ว ศูนย์อาหาร ห้องละหมาด พื้นที่พักคอย ห้องพยาบาล ประชาสัมพันธ์ จุดรับฝากของ พื้นที่สูบบุหรี่ ห้องน้ำสาธารณะและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปรษณีย์ส่งพัสดุ ชานชาลาขาออก ชานชาลาขาเข้า ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศูนย์ถ่ายเอกสาร อาคารจอดรถ จุดบริการรถขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
รายงานข่าวจากการรถไฟฯ ระบุอีกว่า ขณะที่อาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ตั้งอยู่พื้นที่แปลง E1 ขนาด 23.35 ไร่ ประกอบด้วย อาคารจำนวน 7 อาคาร ได้แก่ อาคารสำนักงานสูง 35 ชั้น จำนวน 1 อาคาร, อาคารสำนักงานสูง 20 ชั้น จำนวน 1 อาคาร, อาคารสำนักงานสูง 15 ชั้น จำนวน 2 อาคาร, อาคารสำนักงานสูง 10 ชั้น จำนวน 1 อาคาร, อาคารที่จอดรถสูง 10 และห้องประชุม (Auditorium) อยู่ด้านบนอาคารจอดรถ จำนวน 1 อาคาร และ อาคารห้องโถงสูง 2 ชั้น (MOT Pavilion) จำนวน 1 อาคาร โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมดประมาณ 248,000 ตร.ม. แบ่งเป็น พื้นที่ส่วนหลักและทางเดินส่วนสำนักงาน 156,000 ตร.ม., พื้นที่ส่วนกลาง 30,000 ตร.ม. และพื้นที่จอดรถยนต์ 62,000 ตร.ม.
ทั้งนี้ พื้นที่ใช้สอยเบื้องต้น ประกอบด้วย พื้นที่ส่วนสำนักงานของกระทรวงคมนาคม พร้อมที่จะจัดวางเก็บเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆ โดยเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และข้าราชการ จำนวนไม่น้อยกว่า 1,200 คน และจะต้องมีการจัดวางพื้นที่เพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 10% ของการรองรับการขยายหน่วยงานในอนาคต, พื้นที่จอดรถสามารถจอดรถภายในอาคารได้ประมาณ 1,550 คัน, หอเกียรติภูมิกระทรวงคมนาคม, ห้องประชุมแบบ Auditorium และห้องประชุมอื่นๆ, ห้อง Warroom, ห้องสมุดแบบ e-Library
นอกจากนี้ พื้นที่ชั้นล่างของอาคารรองรับหน่วยงานประชาสัมพันธ์ ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ธนาคารสาขาธุรกรมทางการเงิน และศูนย์บริการที่เดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center) สามารถรองรับการบริการแบบ Drive-Thru ได้ด้วย, ห้องโถงชั้นล่างของอาคารรองรับส่วนที่แสดงนิทรรศการและสื่อผสมในวาระพิเศษตามแต่โอกาส, ห้องรับประทานอาหาร (Canteen) สำหรับพนักงานและห้องรับรองสำหรับผู้บริหาร, ส่วนภูมิสถาปัตยกรรมโดยรอบ เป็นต้น ทั้งนี้ อาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ จะเป็นอาคารที่ทันสมัย ในคอนเซ็ปต์อาคารอัจฉริยะ (MOT Smart Building) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรูปแบบการลงทุน จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ เช่นเดียวกับ Bus Terminal
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้าง Bus Terminal นั้น ขณะนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้กำหนดแนวคิดรูปแบบการพัฒนาเบื้องต้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 เดือน และในระหว่างนี้ สนข. จะเสนอขอตั้งงบประมาณ เพื่อจ้างที่ปรึกษามาทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ พร้อมออกแบบเบื้องต้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาศึกษาอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ในรูปแบบอาคารสูง จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเดินทาง และไม่ทำให้เกิดปัญหาจราจรในพื้นที่
ขณะที่ ความคืบหน้าอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สป.คค) จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ ระยะเวลาดำเนินการ ปี 2569 – 2571 วงเงินรวม 4,500 ล้านบาท คาดว่า กระทรวงฯ จะเริ่มดำเนินการเบิกเงินประมาณในปี 2569 จะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จในปี 2571