‘สุริยะ’ วางเป้าไทยก้าวสู่ฮับการบิน ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของภูมิภาค ทอท.คาดปีนี้ มีผู้โดยสาร 120 ล้านคน ฟื้นตัวเทียบเท่าก่อนโควิด-19 ในปีหน้า

“สุริยะ” ร่วมยินดี ทอท. ครบรอบ 45 ปี วางเป้าไทยฮับการบิน ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในภูมิภาค รับนักท่องเที่ยวสูงสุดติด Top 8 เผย 5 เดือนแรกปี 67 มีผู้โดยสารเข้า-ออกสนามบินหลักกว่า 52 ล้านคน ดันรายได้ท่องเที่ยว 2.3 ล้านล้านบาท ด้าน “กีรติ” ปลื้ม! ผู้โดยฟื้นตัวเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด-19 คาดปีนี้ มีผู้โดยสาร 120 ล้านคน ส่วนปี 68 กลับมาสถิติ 140 ล้านคน มั่นใจ “สุวรรณภูมิ” ติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน และกล่าวงาน Dinner Talk เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี การดำเนินงาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมาว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision โดยมุ่งพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน และตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค โดยยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) นั้น

ทั้งนี้ รัฐบาลจะใช้ศักยภาพและทรัพยากรของประเทศไทยที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ เนื่องจากประเทศไทยมีขนาดพื้นที่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีผู้เดินทางจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก โดยตัวเลขผู้โดยสารใน 5 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – พฤษภาคม 2567) พบว่า มีผู้เดินทางเข้า – ออกผ่านท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยประมาณ 52.16 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.28% เมื่อเทียบกับปี 2566

สำหรับจำนวนผู้โดยสารดังกล่าว เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 32.05 ล้านคน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนจำนวนมาก โดยผู้โดยสารสัญชาติหลักๆ ได้แก่ อินเดีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งจีน อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซีย ญี่ปุ่น ส่งผลให้ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับคนไทยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนประชากร คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสําคัญและเร่งรัดดําเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศตามวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงฯ นำวิสัยทัศน์และนโยบายดังกล่าว มาจัดทำเป็นแผนดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ควบคู่กับการยกระดับท่าอากาศยานของไทยให้กลับมาติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้กลับไปติด 1 ใน 58 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองคว้าอันดับ 1 ใน 10 สนามบินโลว์คอสต์ที่ดีสุดในโลก

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายมาตรการ Visa Free ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน คาซัคสถาน สาธารณรัฐอินเดียและไต้หวัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.กลับมาขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 – พฤษภาคม 2567) ฟื้นตัวจนเกือบจะเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยมีผู้โดยสารรวม 81.05 ล้านคน ฟื้นตัว 83.4% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48.95 ล้านคน ฟื้นตัว 85.8% และผู้โดยสารภายในประเทศ 32.09 ล้านคน ฟื้นตัว 80% 

ในส่วนของเที่ยวบิน พบว่า มีเที่ยวบินรวม 490,970 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 80.9% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 274,410 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 83.5% และเที่ยวบินภายในประเทศ 216,560 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 77.9% โดย ทอท. ได้ประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยาน 6 แห่ง คาดปี 2567 มีผู้โดยสารรวม 120 ล้านคน และในปี 2568 จะกลับมาที่ 140 ล้านคน เทียบเท่ากับปี 2562 ส่วนในอีก 5 ปี หรือในปี 2572 คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 170 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน และในอีก 10 ปี หรือในปี 2577 คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 210 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1.2 ล้านเที่ยวบิน

สำหรับ 2 ไตรมาสแรก ของปี 2567 (ก.ย.2566 – มี.ค.2567) พบว่า ทอท.มีรายได้สูงถึง 33,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 71% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 19,825 ล้านบาท ทั้งนี้ มั่นใจว่าอีก 2 ไตรมาสที่เหลือ (เม.ย.-ก.ย. 2567) จะสามารถสร้างรายได้รวมมากกว่าปี 2562 ขณะที่กำไรใน 2 ไตรมาสแรกอยู่ที่ 10,348 ล้านบาท ซึ่ง ทอท.จะนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยาน และคาดการณ์ว่าอีก 2 ไตรมาสที่เหลือ จะสามารถกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ทอท. ยังคงเดินหน้าลงทุนขยายพื้นที่ท่าอากาศยาน และพัฒนาบริการรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร เบื้องต้นยังคงแผนลงทุนโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงินลงทุน 12,500 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดประกวดราคาได้ภายใน พ.ย. 2567 รวมถึงโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้านทิศใต้  (South Expansion) วงเงิน 120,000 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนออกแบบรายละเอียด