เช็คที่นี่! สถานะรถไฟฟ้า 3 สี จ่อเปิดนั่งฟรี ‘สีชมพู’ ธ.ค.นี้ ส่วน ‘สีน้ำตาล’ สร้างเสร็จ มิ.ย.71 ด้าน ‘สีส้ม’ ลุ้นศาล 1 คดี เล็งเจรจาเอกชน เพิ่มเงื่อนไข 20 บาทตลอดสาย สนองนโยบายรัฐ

“สุรพงษ์“ ยันเปิดทดลองนั่งฟรีรถไฟฟ้าสายสีชมพู “แคราย-มีนบุรี” เริ่ม ธ.ค.นี้ คาดเริ่มเก็บเงิน ม.ค. 67 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้ม ลุ้นอีก 1 คดี พร้อมจ่อเจรจาเอกชน เพิ่มเงื่อนไข 20 บาทตลอดสาย สนองนโยบายรัฐ พ่วงทบทวนปมค่าโดยสาร “สายสีน้ำตาล” คาดเริ่มสร้างกลางปี 68 เสร็จพร้อมเปิดให้บริการ มิ.ย. 71

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วันนี้ (18 ต.ค. 2566) ว่า รฟม. เตรียมเปิดทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย–มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร (กม.) ในช่วง ธ.ค. 2566 โดยให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี ระยะเวลา 1 เดือน ก่อนจะเปิดให้บริการโดยเก็บค่าโดยสารช่วง ม.ค. 2567

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง กม. วงเงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาทนั้น รฟม. รายงานและยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 อย่างถูกต้อง แต่ตามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รอการพิจารณาจากศาลปกครองแล้วเสร็จก่อน ตามข้อพิพาทที่มีระหว่าง รฟม. และภาคเอกชน โดยในปัจจุบันยังมีข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 1 คดี กระบวนการเหล่านี้ ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า ศาลปกครองจะพิจารณาอย่างไร ดังนั้นโครงการนี้ นับว่าปัจจุบันยังไม่ได้เกิดปัญหา

ขณะที่นโยบายรถไฟฟ้าสูงสุด 20 ตลอดสายนั้น เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการผลักดัน เพื่อดูแลประชาชน ลดค่าครองชีพในการเดินทาง สนับสนุนให้คนมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วส่วนของโครงการรถฟ้าของภาครัฐ ขณะที่โครงการที่มีสัญญากับภาคเอกชน อาทิ สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีน้ำเงิน รวมไปถึงสายสีส้มที่เปิดประมูลไปแล้ว นับว่าเป็นกลุ่มที่มี พ.ร.บ.ร่วมทุน ดังนั้นต้องมีวิธีการดำเนินการ การเจรจากับเอกชนในรูปแบบต่อไป

ทุกโครงการรถไฟฟ้าที่มี พ.ร.บ.ร่วมทุน เป็นโครงการ PPP จะต้องมีวิธีการจัดการแตกต่างออกไปจากรถไฟฟ้าของภาครัฐ ก็ต้องรอกระบวนการเจรจาก่อน แต่แน่นอนว่านโยบายรัฐบาลมีโอกาสที่จะทำให้ทุกสายทำราคาค่าโดยสาร 20 บาท รวมไปถึงรถไฟฟ้าสายสีส้มที่รอลงนามสัญญาก็ต้องเจรจากับเอกชน แต่โครงการรถไฟฟ้าร่วมทุนเหล่านี้ ต้องให้ระยะเวลาศึกษาตัวเลข วิธีการผลลัพธ์ต่างๆ และต้องทำให้รอบคอบพอ เพื่อให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนด้วย” นายสุรพงศ์ กล่าว

ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้น ปัจจุบันบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานโครงการฯ อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ เพื่อให้มีความปลอดภัยมากที่สุดครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งในวันที่ 25 ต.ค.นี้ จะประชุมร่วมกับ NBM เพื่อหารือกับผลการทดสอบ และเตรียมความพร้อมในการเปิดทดลองให้บริการประชาชนฟรีตามนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมต่อไป

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี ระยะทาง 22.1 กม. มูลค่าการลงทุน 41,720 ล้านบาทนั้น กระทรวงคมนาคมได้ให้ความเห็นหลับมายัง รฟม. ว่า ต้องกลับมาศึกษาและทบทวนแผน โดยเฉพาะการวิเคราะห์เรื่องค่าโดยสาร จากเดิมมีการกำหนดอัตราค่าโดยสารไว้ที่ 15-45 บาท แต่ในปัจจุบัน รัฐบาลได้ดำเนินการนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน

ทั้งนี้ การทบทวนแผนดังกล่าว เพื่อประกอบในรายงานและกำหนดเป็นเงื่อนไขในเอกสารการประกวดราคา (ทีโออาร์) คาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาและทบทวน 2 เดือน ก่อนจะเสนอกลับไปยังกระทรวงคมนาคมได้ภายใน ธ.ค. 2666 หลังจากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในช่วงต้นปี 2567 จากนั้นจะดำเนินการคัดเลือกเอกชนในช่ววกลางปี 2567 เริ่มสร้างกลางปี 2568 แล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการ มิ.ย. 2571

นายภคพงศ์ กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรอศาลปกครองสูงสุดพิจารณาอีก 1 คดีที่เหลืออยู่ คือ คดีเกี่ยวกับเงื่อนไขการประกวดราคาครั้งใหม่ โดยส่วนตัวประเมินจากข้อพิพาทก่อนหน้านี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน น่าจะได้ข้อสรุป หลังจากนั้น รฟม. เสนอผลการประมูลไปยัง ครม.พิจารณาอนุมัติเพื่อลงนามสัญญา หาก ครม. มีมติให้ปรับราคาค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ทำให้ต้องกลับมาเจรจากับเอกชนเพิ่มเติม ก่อนลงนามสัญญา

ส่วนการกำหนดอัตราราคาค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสายในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น หาก ครม.มีมติให้ดำเนินการ รฟม.จะต้องเริ่มขั้นตอนเจรจากับเอกชนผู้ชนะการประมูลใหม่ เนื่องจากโครงการนี้ปัจจุบันได้เจรจารายละเอียดในสัญญาไปแล้ว เพียงแต่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อนำโครงการเสนอ ครม. ดังนั้นหากมีนโยบายเพิ่มรายละเอียดเรื่องปรับลดค่าโดยสาร รฟม.จะต้องเจรจากับเอกชน ซึ่งจะต้องประเมินวงเงินชดเชยให้เอกชนเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ หากกรณีที่ต้องเจรจากับเอกชนใหม่ ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเฉพาะส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ–มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ปัจจุบันงานโยธาใกล้แล้วเสร็จ แต่หากต้องกลับมาเริ่มเจรจารายละเอียดสัญญาร่วมทุนที่ต้องเพิ่มข้อมูลปรับราคาค่าโดยสารเหลือสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ทางเอกชนอาจยังไม่สามารถเริ่มเปิดให้บริการเดินรถได้