ประกาศสงคราม! ‘ตำรวจ’ เอาจริง ‘เมาไม่ขับ’ สงกรานต์ 62

“ตำรวจ” เอาจริง! สงกรานต์ 62 ประกาศสงครามกับ “คนเมาแล้วขับ” สั่งตำรวจ 2 แสนนายทั่วไทย สแตนบายถนนสายรอง หากพบอุบัติเหตุ จับตรวจแอลกอฮอลล์ก่อนทุกราย เล็งถอดโมเดลญี่ปุ่น ออกกฎ “เมาแล้วขับ ถูกจับทั้งคัน” ฟาก “ขบ.” อัดงบ 69 ล้าน ร่วมหนุน “โครงการขับขี่ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์” 

พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.นี้ หรือช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลสงกรานต์นั้น สตช.ได้สั่งการให้ตำรวจกว่า 200,000 นายทั่วประเทศ ตั้งด่านตรวจจับผู้กระทำผิดกฎหมายบนถนนสายรองทุกเส้นทาง ทั้งนี้ สตช. จะประกาศสงครามกับผู้ที่เมาแล้วขับ และจะใช้ทุกมาตรการอย่างเข้มงวด

“สงกรานต์ 2562 เราได้ประกาศสงครามกับคนเมาแล้วขับอย่างจริงจัง โดยตำรวจจะตรวจทุกเส้นทางบนถนนสายรอง ซึ่งหากเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้สั่งการให้เจ้าพนักงานตรวจหาแอลกอฮอลล์ของคู่กรณีทุกราย เพื่อกีดกันผู้ที่ดื่มแล้วขับออกจากบนท้องถนน” พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว

ด้านนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก หรือ ขบ. กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมให้การสนับสนุนโครงการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน 69 ล้านบาท โดยเฉพาะการขับขี่ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งการเมาแล้วขับเป็นสาเหตุสำคัญของสถิติการเสียชีวิตในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันหยุดยาวอัตราการตายบนท้งถนนมักจะเพิ่มขึ้น 100% จากวันละ 60 คนเป็นวันละ 80-120 คน เป็นมาแบบนี้ทุกปี ปีนี้ก็เช่นกันจึงต้องเร่งรณรงค์ส่งเสริมจิตสำนึกผู้ขับขี่ หลังจากนี้ตั้งเป้าผลักดันการตรวจแอลกอฮอล์และสร้างวินัยการขับขี่ให้ประชาชนประมาณ 73,000 รายตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงเดือน พ.ย. 2562

อย่างไรก็ตาม สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ขบ.จะตั้งจุดปฏิบัติการณ์และจุดกวดเข้มตามสถานีขนส่งและจุดจอดรถโดยสารทั่วประเทศรวม 195 แห่ง รวมถึงจุดสุ่มตรวจบนนถนนสายหลักและถนนสายรองอีกมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งหากพบว่าผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะมีปริมาณแอลกอฮอล์มากกว่า 0% จะสั่งให้หยุดขับเพื่อเปลี่ยนพนักงานขับรถทันทีและอาจมีการลงโทษพักงานขับขี่ด้วย เช่นเดียวกับความพร้อมของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบตาม Checklist ของขบ.ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการเพื่อกำกับดูแลความปลอดภัย หากเกิดข้อผิดพลาดที่มาจากความพร้อมผู้ประกอบการอาจมีความผิดด้วย

รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ในการประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจรกรณีผู้กระทำผิดซ้ำตามโครงการพัฒนาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในระยะที่ 4 นั้น ที่ประชุมอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขบทลงโทษในข้อหาเมาแล้วขับให้หนักขึ้น เช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการลงโทษผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย ในข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิด ทั้งนี้ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมานั้น มีผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับโดนจับซ้ำรวมกว่า 1,507 ราย

สำหรับกรณีเมาแล้วขับนั้น ถือเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษ ดังนี้ 1. ขับรถขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น บทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำ 10,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ เพิกถอนใบอนุญาต จนถึงการยึดรถที่ใช้ไม่เกิน 7 วัน 2.ขับรถขณะเมาสุราทำให้เกิดเหตุจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ บทลงโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง-100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือเพิกถอนใบอนุญาตไปเลย

3.ขับรถขณะเมาสุราทำให้เกิดเหตุได้รับอันตรายอย่างสาหัส มีบทลงโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและศาล สามารถสั่งพักใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปีหรือเพิกถอนเพิกถอนใบอนุญาตไปเลย 4.ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีบทลงโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและ ศาลสามารถสั่งเพิกถอนใบขับขี่ไปเลย