“ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง จ.ขอนแก่น ครอบคลุม“บก–น้ำ–ราง–อากาศ” หวังเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ภาคอีสาน หนุนการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ว่า ตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร รองรับเชื่อมโยงการเดินทางกลุ่มจังหวัดภาคอีสาน สนับสนุนการค้าการท่องเที่ยวสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินตามภารกิจดังกล่าว โดยได้เร่งรัดเปิดให้บริการโครงข่ายคมนาคม เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ส่งเสริมภาคเกษตรกรรม สนับสนุนการกระจายรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และสนับสนุนการค้าการท่องเที่ยวสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดำเนินการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญทุกโหมดการเดินทางในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ให้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สำคัญทุกโหมดการเดินทาง
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับมิติการพัฒนาทางถนน ได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง อาทิ 1.โครงการขยายช่องจราจรแยก ทล. 208 (ท่าพระ)-มหาสารคาม ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ 2.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 2 ขอนแก่น–บ.ห้วยหินลาด อยู่ระหว่างดำเนินการ 3.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 2 บ.ห้วยหินลาด–อ.โนนสะอาด คาดว่าจะแล้วเสร็จใน ม.ค. 2566 และ 4.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 229 สายอ.มัญจาคีรี–แยกช่องสามหมอ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน มิ.ย. 2567
ส่วนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบท อาทิ โครงการสะพานข้ามลำน้ำชี ต.วังแสง อ.ชนบท กับ ต.โพธิ์ไชยอ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อ ส.ค. 2565, โครงการก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำชี ต.พระบุอ.พระยืน กับ ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ผลการก่อสร้าง 96.92% คาดว่าจะแล้วเสร็จใน ก.ย. 2565
นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำชี ต.โนนพะยอม อ.ชนบท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ผลการก่อสร้าง43.72%, โครงการก่อสร้างถนนสาย ขก.4020 แยก ทล.2440-บ.นาเชือก (ตอนขอนแก่น) อ.หนองสองห้องจ.ขอนแก่น ได้รับงบประมาณก่อสร้างปี 2566 และโครงการก่อสร้างถนนสาย ขก.4008 แยก ทล.2062-บ.เหล่านาดี อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
ขณะที่ แผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค (MR-MAP) ซึ่งได้ศึกษาแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2564 และคณะกรรมการจัดการจราจรทางบก (คจร.) ได้เห็นชอบแล้ว ปี 2565 โดยมีเส้นทางที่ผ่านพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ได้แก่MR2 กรุงเทพฯ/ชลบุรี (แหลมฉบัง)-หนองคาย (ด่านหนองคาย) และ MR4 ตาก (ด่านแม่สอด)-นครพนม (ด่านนครพนม)
นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงระบบคมนาคมจากสถานีขนส่งผู้โดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ ใน จ.ขอนแก่น และระหว่างจังหวัด ได้แก่ การเชื่อมโยงระบบการขนส่งสาธารณะในจังหวัดขอนแก่น คือ เส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 3-สถานีรถไฟจังหวัดขอนแก่น–ท่าอากาศยานขอนแก่น, การเชื่อมโยงระบบการขนส่งสาธารณะ (รถโดยสารต่างประเทศ) เส้นทางขอนแก่น–นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งปัจจุบันงดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากบริษัทคู่สัญญา สปป.ลาว ยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ในส่วนของมิติทางรางนั้น มีแผนพัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ โดยมีเส้นทางผ่านจ.ขอนแก่น คือ ระยะที่ 1 เส้นทางชุมทางถนนจิระ–ขอนแก่น (ผ่านจังหวัดขอนแก่น) และระยะที่ 2 คือ ทางรถไฟสายใหม่ (256-2564) บ้านไผ่–มุกดาหาร–นครพนม ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 (2565-2569) อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางรถไฟสายใหม่ระยะถัดไปนครสวรรค์–บ้านไผ่ มีแผนของบปี 2567 เพื่อออกแบบรายละเอียด และจัดทำ EIA ขณะเดียวกัน ยังมีแผนพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูงทั่งประเทศ โดยเส้นทางที่ผ่าน จ.ขอนแก่นได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ไทย–จีน ช่วงที่ 2 นครราชสีมา–หนองคาย สถานะปัจจุบันออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณารายงาน EIA
ขณะที่ มิติทางน้ำ มีการพัฒนาทางน้ำในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ได้แก่ การพัฒนาปรับปรุงเขื่อนป้องกันตลิ่งพังแม่น้ำพอง บริเวณบึงเนียม อ.เมือง, การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังบริเวณลำน้ำพอง, โครงการพัฒนาที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนาบ้านเหมือดแอ่ อ.เมือง, การพัฒนาและบำรุงรักษาร่องน้ำ, โครงการขุดลอกแม่น้ำลำคลอง เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะตลิ่งพัง เพิ่มพื้นที่การระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก และกักเก็บน้ำไว้ในการอุปโภคไบริโภค ดำเนินการแล้วเสร็จ 5 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 4 โครงการ และมีแผนงานในอนาคตอีก 1 โครงการ
ด้านมิติทางอากาศ ปัจจุบันท่าอากาศยานขอนแก่นสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,500 คน/ชั่วโมง ซึ่งการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดีขึ้น โดยใน ก.ย. 2565 มีจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ย 14 เที่ยวบิน/วัน ผู้โดยสารเฉลี่ย 3,876 คน/วัน คาดการณ์ว่าในช่วง ก.ย.-ธ.ค. 2565 จะมีจำนวนเที่ยวบิน 1,827 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร 473,733 คน เพื่อขยายขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสาร
ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน มี.ค. 2566 เมื่อแล้วเสร็จรวมกับอาคารผู้โดยสารแห่งเดิมจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 2,000 คน/ชั่วโมง และโครงการขยายลานจอดเครื่องบิน หากแล้วเสร็จจะสามารถรองรับเครื่องบินขนาด A320/Boeing 737 จากเดิม 5 ลำ เพิ่มเป็น 12 ลำ
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานต่างๆ โดยยึดกฎ ระเบียบ ข้อกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด ควบคุมดูแลการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยและเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัดอย่างต่อเนื่องและครบทุกมิติ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน