เตรียมตัว! ปี 65 ได้ใช้มอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-โคราช”

“กรมทางหลวง” เผย มอเตอร์เวย์ “บางปะอิน – โคราช” คืบหน้ากว่า 66% แต่ล่าช้ากว่าแผน 6% หลังติดปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน ด้าน “กมล” ฝันพร้อมเปิดให้บริการปี 65 ยอดผู้โดยสาร 5 หมื่นคน/วัน ฟันรายได้ 2 พันล้านบาท คาด O&M ลงนามสัญญา ธ.ค.นี้ ฟาก “Rest Area” จ่อชง ครม.สัปดาห์หน้า เคาะไฟเขียวปลดล็อกประมูลที่เชิงพาณิชย์

นายกมล หมั่นทำ รองอธิบดีกรมทางหลวง หรือ ทล. เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สาย บางปะอิน – นครราชสีมาว่า ปัจจุบันโครงการดังกล่าว ในส่วนขิงงานโยธามีความก้าวหน้าในภาพรวม 66% ซึ่งได้กำชับผู้รับจ้างให้เร่งดำเนินการก่อสร้างในทุกสัญญาของโครงการและคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตามกำหนดพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2565 สำหรับโครงการดังกล่าวจะมีแนวเส้นทางส่วนใหญ่ขนานไปกับถนนพหลโยธินและถนนมิตรภาพ แบ่งเป็น 2 ตอน ได้แก่ บางปะอิน – ปากช่อง ระยะทาง 103 กิโลเมตร และ ปากช่อง – นครราชสีมา ระยะทาง 93 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 196 กิโลเมตร  

ทั้งนี้ ในส่วนของการให้เอกชนร่วมลงทุนในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ในรูปแบบ PPP Gross Cost ของทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ทางเอกชนจะเป็นผู้ออกแบบและลงทุนก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง งานบำรุงรักษาของโครงการทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนลงทุนทั้งหมด รวมถึงเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง โดย ทล.จะเปิดให้ยื่นซองถึงวันที่ 27 มี.ค. ก่อนให้เวลา 4 เดือนเตรียมกลับมายื่นซองข้อเสนอในวันที่ 27 มิ.ย. ก่อนนัดวันเปิดซองพิจารณาในวันที่ 3 ก.ค.โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายใน ธ.ค. 2562

สำหรับ O&M นั้น เอกชนจะได้รับค่าตอบแทน (Availability Payment: AP) เป็นเงินค่าก่อสร้างงานระบบและองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง ค่าบำรุงรักษา และค่าบริหารจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้งงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด ภายในกรอบวงเงินที่เป็นมูลค่าปัจจุบัน ไม่เกิน 33,258 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กรมทางหลวงได้ประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจเข้าร่วมประกวดข้อเสนอตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. – 27 มี.ค. 2562 จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการประเมินข้อเสนอและเจรจาต่อรองสัญญา ตรวจร่างสัญญาและเสนอขออนุมัติผลการคัดเลือก ตลอดจนลงนามในสัญญาร่วมเพื่อให้ได้เอกชนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนดของกรมทางหลวงภายในเดือนธันวาคม 2562

จากรายงานข่าวจาก ทล. ระบุว่า ณ วันที่ 7 มี.ค. 62 ได้มีเอกชนซื้อเอกสารข้อเสนอร่วมลงทุนฯ (RFP) โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สาย บางปะอิน – นครราชสีมาแล้ว จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย 1. บมจ. ทางยกระดับดอนเมือง 2. บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น 3. บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ 4. บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ 5.บจก. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ 6. บจก. ซีวิลเอนจิเนียริ่ง 7. บมจ.ซิโน – ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น 8. บจก.สี่แสงการโยธา (1979)  9. บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ และ 10. บมจ. ช.การช่าง

ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะสามารถเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งระหว่างภาคต่างๆของประเทศ ได้อย่างสมบูรณ์มีความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ แก้ไขปัญหาจราจรระหว่างภาค ส่งเสริมทั้งในภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว ด้วยแนวเส้นทางที่สามารถรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าไปยังทั่วทุกภูมิภาค เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียนต่อไป

แหล่งข่าวจาก ทล. แจ้ง ว่าในวันที่ 11 มี.ค. กระทรวงคมนาคมจะมีการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาเห็นชอบการแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อเปิดให้เอกชนสามารถนำที่ดินของรัฐไปพัฒนาเชิงพาณิชย์และเก็บรายได้นำส่งรัฐ รวมพื้นที่ตามแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์ 3 สายมูลค่ามากกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยโครงการพัฒนา Service Center และจุดพักริมทาง (Rest Area) ของมอเตอร์เวย์ช่วงชลบุรี-พัทยา วงเงิน 1,300 ล้านบาท พื้นที่ 100 ไร่ โครงการจุดพักริมทางมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช มีวงเงินลงทุนแห่งละ 1,220 ล้านบาท รวม 8 แห่งวงเงิน 9,760 ล้านบาท และ โครงการจุดพักริมทางมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีวงเงินลงทุนแห่งละ 860 รวม 3 แห่งวงเงิน 2,580 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากได้รับความเห็นชอบจากครม.จะเดินหน้านำเสนอผลศึกษาแนวทางเปิดประมูลพื้นที่ทั้ง 3 แห่งเข้าสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ สภาพัฒน์และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ดพีพีพี) ต่อไป คาดว่าจะเริ่มการคัดเลือกเอกชนได้ในปีนี้ก่อน 1 แห่งคือมอเตอร์เวย์ชลบุรี-พัทยา เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้ว ขณะที่มอเตอร์เวย์อีกสองสายยังมีเวลาพัฒนาพื้นที่ให้สามารถใช้ได้ทันกับการเปิดบริการมอเตอร์เวย์ตลอดสาย ที่ผ่านมามีเอกชนรายใหญ่สนใจเข้าลงทุนหลายราย อาทิ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นต้น