เดินหน้า DIP SME Academy ปี 3 กสอ. หวังเพิ่มมูลค่าทาง ศก.พันล้าน!

กสอ. เดินหน้าพัฒนาปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เน้นต่อยอดกิจกรรม DIP SME Academy และการเรียนรู้ผ่านอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งส่งเสริมความรู้และทักษะให้ผู้ประกอบการในรูปแบบ “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์”

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า กสอ. ได้เล็งเห็นความสำคัญถึงวิธีการพัฒนาปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ จึงได้จัดกิจกรรม DIP SME Academy และการเรียนรู้ผ่านอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น ภายใต้โครงการพัฒนาปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้รองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้

สำหรับหลักสูตรการเรียนรู้นั้นจะเน้นการเรียนที่ควบคู่กันไปทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยหลักสูตรออนไลน์นั้นจะมีเนื้อหาในเรื่องของ Digital Transformation ประกอบด้วย 1.การปรับตัวขององค์กรเข้าสู่ เศรษฐกิจดิจิทัล 2.Crowd Funding 3.Crowd Sourcing 4.ฟินเทค 5.เทคโนโลยี AI และ 6.การจัดการ Big Data

โดยทั้ง 6 บทเรียนนั้น เกิดจากการสำรวจความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง ส่วนหลักสูตร Offline เป็นการจัดสัมมนาจับคู่ผลงานวิจัย (Matching) และการสัมมนาจัดทำแผนธุรกิจและนำเสนอแผนธุรกิจ Pitching นอกจากนี้ ยังมีการคัดเลือกผู้เรียนที่มีแนวคิดทางธุรกิจโดดเด่นและผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ มาเป็นตัวอย่าง Success Case ให้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจทั่วไปให้รับรู้ถึงวิธีการพัฒนาธุรกิจและปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ

“นอกจากนี้ ยังมีบทเรียนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีบนอินเตอร์เน็ต ได้แก่ การปรับตัวขององค์กรสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การระดมความคิดเห็นเพื่อต่อยอดธุรกิจและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านชุมชนออนไลน์ การตลาดออนไลน์ การจับคู่ทางธุรกิจ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ การระดมทุนสาธารณะ (Crowd Funding) และกิจกรรมที่สนับสนุนการนำงานวิจัยมาพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เกิดการผลิตภัณฑ์อย่างมีนวัตกรรม ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถจัดตั้งธุรกิจ ขยายธุรกิจ รวมถึงเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นได้”

“โดยคาดว่าจะสามารถสนับสนุนการจัดตั้งและขยายธุรกิจ จำนวนกว่า 200 ราย มีการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยกิจกรรมจับคู่ผลงานวิจัย (Matching) จำนวน 20 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ล้านบาท” นายกอบชัย กล่าว