BMN ผุด ‘Metro Mall’ ใหม่ 2 สถานี ‘ลาดพร้าว-ศูนย์สิริกิติ์ฯ’ ตอบโจทย์ผู้โดยสาร MRT จ่อเปิดตัวภายในปี 66

BMN ลุยขยาย “Metro Mall” ร้านค้าในสถานีรถไฟฟ้า MRT จ่อเปิดเพิ่ม 2 สถานีลาดพร้าวศูนย์สิริกิติ์ฯภายในปี66 พร้อมรีโนเวท 8 สาขาเดิม พ่วงปรับปรุง “Rest Area” ทางด่วน

นายวิทสุวัฒน์ อำคาเพท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด หรือ BMN บริษัทลูกของบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า ในขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบMetro Mall หรือพื้นที่ร้านค้าภายในสถานีรถไฟฟ้า MRT จำนวน 2 สถานี คือ สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสถานีลาดพร้าว พื้นที่สถานีละประมาณ 1,000 ตารางเมตร (ตร..) ซึ่งในปัจจุบันทั้ง 2 สถานี ได้เปิดให้บริการร้านค้าเป็นบางส่วนบ้างแล้ว อาทิ สถานีลาดพร้าว มีกูร์เมต์ มาร์เก็ต ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตภายในสถานีรถไฟฟ้า MRT แห่งแรกของไทย เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง 2 สถานีดังกล่าวข้างต้น จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2566 โดยเมื่อเปิดให้บริการแล้ว เชื่อว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้โดยสาร สำหรับการดำเนินการดังกล่าว นอกจากจะบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ในการหาซื้อของกินของใช้ภายในสถานีได้

นายวิทสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน Metro Mall เปิดให้บริการใน 8 สถานี ได้แก่ สถานีคลองเตย, สถานีสุขุมวิท, สถานีเพชรบุรี, สถานีพระราม 9, สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, สถานีพหลโยธิน, สถานีจตุจักร และสถานีกำแพงเพชร โดยบริษัทฯ ยังมีแผนดำเนินโครงการปรับปรุง Metro Mall เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารมากขึ้น ซึ่งโดยขณะนี้ร้านค้าต่างๆ ประมาณ 90% เริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ต้องปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา Metro Art ที่สถานีพหลโยธิน ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านศิลปะแขนงต่างๆ ร่วมกับศิลปินระดับมาสเตอร์ของประเทศไทย ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการจัดแสดงผลงานศิลปะในสถานีรถไฟฟ้า โดยจะมีประกวดวาดภาพ และมีกิจกรรมเชิงศิลปะตลอดทั้งปีให้กลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางกรุงเทพฯด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะปรับปรุงจุดพักรถ (Rest Area) บนทางพิเศษ (ทางด่วน) ศรีรัช (แจ้งวัฒนะปากเกร็ด) บริเวณหลังด่านประชาชื่นขาออก และจุดพักรถขนาดเล็ก บริเวณด่านประชาชื่นขาเข้า ด่านศรีนครินทร์ และด่านบางปะอิน ซึ่งจะขยายพื้นที่ให้บริการ เพิ่มเติมร้านค้า และปรับปรุงห้องน้ำให้สะอาด และสวยงามมากขึ้น รวมทั้งในอนาคตยังเตรียมทำจุดพักรถที่ด่านฉิมพลีด้วย

นายวิทสุวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า ในปี 2565 คาดว่า บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตมากกว่าปี 2564 แต่อาจจะไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาร้านค้าต่างๆ อยู่ ตั้งแต่เกิดโควิด-19 อาทิการลดอัตราค่าเช่าให้คู่ค้า 50% และจะยังคงลดค่าเช่าให้แก่ร้านค้าไปจนกว่าปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT จะเท่ากับปริมาณผู้โดยสารในปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 โดยขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT เริ่มกลับมาแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 3.2 แสนคนต่อวัน คิดเป็นประมาณ 80% ของผู้โดยสารปี 2562

เราลดอัตราค่าเช่าให้คู่ค้า 50% เพราะก่อนหน้านี้ บางร้านก็ขอปิดเพื่อไม่จ่ายค่าเช่า โดยบริษัทฯ ไม่ได้มองเรื่องรายได้อย่างเดียว แต่มองด้วยว่าทำอย่างไรจะให้ร้านค้าต่างๆ อยู่ได้ และสามารถมอบความสุขในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารด้วยนายวิทสุวัฒน์ กล่าว