ไปต่อไม่ได้แล้ว! ‘สมาคมกิจการรถโดยสารฯ’ ขอโทษ ปชช. เตรียมลดเที่ยววิ่ง-หยุดเดินรถบางเส้นทาง หลังแบกรับต้นทุนน้ำมันไม่ไหว วอนรัฐเร่งพยุงกิจการ

สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทยออกประกาศขอโทษ ปชช. จ่อลดเที่ยววิ่งลงทยอยหยุดเดินรถบางเส้นทาง หลังแบกรับต้นทุนน้ำมันไม่ไหว เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นเที่ยวละ 1,400 บาท วอน! รัฐเร่งพยุงธุรกิจการเดินรถเพื่อประชาชน ด้าน บขส.ยอมรับได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง แต่พร้อมตรึงราคาค่าโดยสาร & ไม่หยุดเดินรถ

นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา จากค่าโดยสารเมื่อปี 2562 ที่ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละประมาณ 27 บาท จนถึง เวลานี้ ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 34 บาท ปรับเพิ่มขึ้นถึงลิตรละประมาณ 7 บาทส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นเที่ยวละประมาณ1,400 บาท โดยเฉลี่ยหากวิ่งวันละ 50 เที่ยว ต้องแบกภาระเพิ่มขึ้นกว่าวันละประมาณ 70,000 บาท

นอกจากนี้ ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่ทยอยปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางต้องทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเพียงเพื่อให้สามารถเป็นช่องทางการเดินทางที่ประหยัด และสะดวกที่สุดแก่ประชาชน พร้อมทั้งพยายามขอให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม

โดยเฉพาะการใช้อัตราโครงสร้างค่าโดยสารที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางเมื่อปี 2548 ซึ่งเป็นอัตราที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลไม่มีทีท่าจะให้การเหลียวแลแต่อย่างใด ขณะที่การขนส่งทางอากาศ และทางน้ำได้มีการปรับค่าโดยสารกันไปแล้วก่อนหน้านี้

นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า มาตรการที่กรมการขนส่งทางบก ให้ความช่วยเหลือผ่านบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) นั้น ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ใดๆ บขส.ยังคงเดินหน้าเก็บค่าบริการต่อเที่ยวตามปกติ และยังคงเป็นการช่วยเหลือเฉพาะหน้าที่มีผลต่อเฉพาะรถร่วมบริการขนส่ง บ้างเล็กน้อย แต่ไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรม ยั่งยืน และต่อทั้งระบบของรถโดยสารประจำทาง อีกทั้งยังมิใช่แนวทางแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนอย่างถูกต้องและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (13 มิ.. 2565) สมาคมฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อีกครั้ง เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับการขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร จากที่คิดอัตราเริ่มต้นที่ 40 กิโลเมตรแรก ในอัตรา 53 สตางค์ เป็น 58 สตางค์ต่อกิโลเมตร เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

ในนามนายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทยจึงขอเป็นตัวแทนในการกล่าวขอโทษประชาชนผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการรถโดยสารในชีวิตประจำวันว่า ผู้ประกอบการรถโดยสารจะพยายามยืนหยัด เพื่อเคียงข้างการให้บริการให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้ โดยระหว่างที่ยังไม่มีทางออกในการแบกรับต้นทุนนี้ อาจต้องส่งผลให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบในความไม่สะดวกในการใช้บริการเนื่องจากบรรดาผู้ประกอบการต้องลดเที่ยววิ่งลงและทยอยหยุดการให้บริการในบางเส้นทาง ซึ่งเป็นทางเลือกทางสุดท้ายก่อนที่อาจต้องปิดกิจการถาวรในที่สุด และขอขอบคุณประชาชนผู้โดยสารทุกท่าน ที่เข้าใจและเป็นกำลังใจในการประกอบการเดินรถโดยสารของไทยมาโดยตลอดนายพิเชษฐ์ กล่าว

ด้านนายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่าได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการเดินรถ แต่ บขส. ไม่มีนโยบายหยุดเดินรถ และปรับขึ้นค่าโดยสาร เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้ บขส. ตรึงราคาค่าโดยสาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

โดยที่ผ่านมา บขส. ได้จัดการเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการเดินรถในเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก จำนวน 18 เส้นทาง ภาคเหนือ 14 เส้นทาง และภาคใต้ 15 เส้นทาง และในวันที่ 15 มิถุนายนที่จะถึงนี้ เตรียมเปิดให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศ รวม 10 เส้นทางด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศและผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ส่วนประเด็นที่ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ประกาศจะหยุดวิ่ง หลังแบกรับต้นทุนน้ำมันไม่ไหว นั้น จากการตรวจสอบจำนวนเที่ยววิ่ง พบว่ายังคงวิ่งให้บริการปกติ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากใน .. 2565 ที่จะถึงนี้ มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน