ด่วน! ‘ศักดิ์สยาม’ สั่ง ทล. ลงพื้นที่สอบเหตุระเบิด ‘คาร์บอม’ บริเวณเชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 พร้อมสแตนบาย 24 ชม.
“ศักดิ์สยาม” สั่ง “ทางหลวง” ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบริเวณด่านพรมแดนเมียวดี–แม่สอด เชิงสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาแห่งที่ 1 กำชับให้สแตนบาย 24 ชม. พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกมิติ
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมเวลาประมาณ 23.00 น ของวันที่ 23 เมษายน 2565 ที่ผ่านมาที่บริเวณด่านพรมแดนเมียวดี – แม่สอด เชิงสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาแห่งที่ 1 ฝั่งประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เสียงระเบิดดังสนั่นจนถึงตัว อ.แม่สอด ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ตัวอาคารด่านเมืองเมียวดี และร้านค้า อาคารพาณิชย์ บริเวณด่าน มีอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นั้น
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีความห่วงใยจากสถานการณ์ดังกล่าวจึงได้สั่งการด่วนให้กรมทางหลวง โดยแขวงทางหลวงตากที่ 2 ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อมรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าวโดยด่วน
ทั้งนี้ ทล.ได้ตรวจสอบและขอเรียนชี้แจงว่า จุดที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์อยู่บริเวณฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาซึ่งห่างจากสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา แห่งที่ 1 ประมาณ 100 เมตร ทั้งนี้ตัวสะพานไม่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว โดยปัจจุบันสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา แห่งที่ 1 อ.แม่สอด จังหวัดตาก ยังคง “ปิดใช้งาน” ต่อเนื่องมานานแล้ว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงไม่ได้เปิดให้ประชาชนเดินทางเข้าออกและไม่มีการเดินทางขนส่งสินค้าข้ามแดนบนสะพานดังกล่าว
สำหรับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางกรมทางหลวงได้เปิดให้ประชาชนและการขนส่งสินค้าข้ามแดนใช้สะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา (ข้ามแม่น้ำตองยิน) แห่งที่ 2 แทน โดยมีมาตรการดำเนินการ ดังนี้
- มาตรการด้านความปลอดภัย โดยจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรักษาการณ์ทั้งประตูด้านหน้าและประตูทางออกไปบนสะพานฯ และหลังจากเวลา 18.30 น.จะปิดประตูด่านฯ ทั้งด้านหน้าและประตูทางออกไปสะพานฯ
- การเปิดให้บริการจะเปิดเวลา 6.30 น. และปิดเวลา 18.30 น.
- การตรวจยานพาหนะ ได้มีการตรวจยานพาหนะทุกคันที่จะออกและเข้าประเทศตามมาตรการของเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง
- กล้อง CCTV ได้จัดไว้ตามจุดต่าง ๆ บริเวณด่านพรมแดนและบนสะพานจำนวน 56 ตัว โดยติดตั้งตามบริเวณต่างๆประกอบด้วย ฝั่งอาคาร passenger terminal จำนวน 37 ตัว ฝั่งอาคาร cargo จำนวน 15 ตัว และบนสะพานถึงประตูขาเข้าประเทศจำนวน 4 ตัว
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวัง ตรวจตรา และเพิ่มมาตรการความปลอดภัยเต็มที่ทั้งบริเวณสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา แห่งที่ 1 และสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา (ข้ามแม่น้ำตองยิน) แห่งที่ 2 และให้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรอดูสถานการณ์ และหากทางจังหวัดมีมาตรการอย่างไร กรมทางหลวงพร้อมให้ความร่วมมือทุกมิติ
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามข้อมูล หรือต้องการขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)