‘สุวรรณภูมิ’ แจงผู้โดยสารแออัดบริเวณ ‘จุดนัดพบ-โรงแรม’ ยันเกิดในช่วงเวลาสั้น หลังไฟลต์บินขาเข้าหนาแน่น เร่งขยายพื้นที่-เพิ่มเคาน์เตอร์-ปรับรูปแบบ

สุวรรณภูมิแจงโซเชียลเผยแพร่ภาพผู้โดยสารแออัดจุดนัดหมายโรงแรมภายในเทอร์มินัล เผยเกิดขึ้นระยะสั้นช่วงเวลาพีคตี 5-7 โมงเช้า และเที่ยงบ่าย 3” หลังเที่ยวบินขาเข้าหนาแน่น ล่าสุดขยายพื้นที่บริการเพิ่มเคาน์เตอร์ พร้อมปรับรูปแบบการเรียงลำดับรายชื่อโรงแรม ยันรองรับผู้โดยสารขาเข้าไฟลต์อินเตอร์ชั่วโมงละ 3 พันคน

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีผู้เผยแพร่ภาพการเดินทางของผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่แสดงให้เห็นความแออัดและไม่ได้รับความสะดวก จุดนัดหมายระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมบริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้านั้น ขอเรียนชี้แจงว่าความแออัดดังกล่าวเกิดขึ้นในบางช่วงที่เที่ยวบินมีความหนาแน่น (Peak) ประกอบกับในช่วงนี้มีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 เม.. 2565 ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศโดยยกเว้นการตรวจ RT-PCR ที่ต้นทาง ทำให้จำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มขึ้นจากประมาณวันละ 6,000-7,000 คน เป็นวันละ 9,000-10,000 คนจึงส่งผลให้บางช่วงเวลาเกิดความคับคั่งบริเวณจุดนัดหมายระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ

โดยอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 05.00-07.00 . และ 12.00-15.00 . ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 1,500-2,000 คนต่อชั่วโมง ขณะที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 3,000 คนต่อชั่วโมง ตามมาตรการการคัดกรองด้านสาธารณสุขในปัจจุบันอย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดำเนินการบูรณาการการให้บริการร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (EOC) และทุกภาคส่วน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการปรับการบริการให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ด้วยการขยายพื้นที่จัดตั้งเคาน์เตอร์บริเวณจุดนัดหมายระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมเพิ่มเติม จากเดิม 8 เคาน์เตอร์ เป็น 17 เคาน์เตอร์ พร้อมทั้งกำหนดให้ติดป้ายแสดงชื่อโรงแรมเรียงตามตัวอักษรเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเข้ารับบริการของผู้โดยสาร

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เพิ่มช่องทางออกจากห้องสายพานรับกระเป๋าขาเข้าจากจุดตรวจศุลกากรจากเดิม 1 ช่องทาง เป็น 2 ช่องทาง รวมถึงขอความร่วมมือโรงแรมเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และรถรับส่งผู้โดยสารที่จะต้องนำไปตรวจ RT-PCR และรอผลที่โรงแรม ให้มีจำนวนเพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดำเนินการการให้บริการที่สอดคล้องกับแนวคิดการเดินทางวิถีใหม่ (Transport New Normal) เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข COVID-Free Setting อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ยังสามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร พร้อมกับการดูแลควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงต้องเข้มงวดทั้งนี้ผู้โดยสารที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง