NEX แนะใช้รถ EV แก้วิกฤตน้ำมัน 2 แพง เซฟต้นทุนปีละพันล้าน โชว์โรงงานใหม่คาดปีนี้ออเดอร์ผลิตไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน
“ซีอีโอ NEX” อัปเดตสร้างโรงงานผลิตรถ EV แล้วเสร็จ 100% ธ.ค.นี้ คาดรับออเดอร์ไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน หลังส่งมอบไปแล้ว 120 คัน จ่อทยอยเพิ่มอีก 400 คัน ตั้งธงเดินเครื่องเต็มสูบผลิตปีละ 6,000 คัน แนะผู้ประกอบการหันมาใช้รถ EV แก้วิกฤตราคาน้ำมันแพง เซฟต้นทุนในปีละไม่ต่ำกว่าพันล้าน เผย 6 บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่สนใจร่วมเจรจา
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้บริษัทแอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) ว่า ขณะนี้การก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของ NEX ดำเนินไปกว่า 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จใน ธ.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม แม้โรงงานจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ได้เริ่มกระบวนการผลิตตามออเดอร์ที่มีเข้ามาแล้ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งมอบรถบัสไฟฟ้าไปแล้ว 120 คัน และกำลังจะทยอยส่งมอบอีกประมาณ 400 คัน นอกจากนี้ยังมีลูกค้ารายใหม่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากดูจากกระแสความต้องการการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีออเดอร์ภายในปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน และเมื่อโรงงานสร้างเสร็จเรียบร้อย NEX จะเริ่มกระบวนการผลิตอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 ซึ่งกำลังการผลิตอยู่ที่ปีละ 6,000 คัน
นายคณิสสร์ กล่าวต่ออีกว่า รถ EV ของ NEX มีความหลากหลาย อาทิ รถมินิบัสที่จะนำมาใช้ทดแทนรถตู้ รถบัสโดยสารขนาดใหญ่ รถบรรทุก รถขยะ รถพ่นน้ำ รถหัวลาก รถตู้ขนส่งสินค้า รถที่ใช้ในสนามบิน และกลุ่มลูกค้าก็มีความหลากหลายทั้งที่เป็นต่างชาติ เช่น บริษัท ล็อตเต้ เรนท์–อะ–คาร์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัทซูซูโย จำกัด ฯลฯ
อีกทั้ง ยังมีลูกค้ารายใหญ่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัท บุญรอดซัพพลายเชน และกลุ่มรถร่วมบริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) ก็เปิดออเดอร์กับบริษัทแล้ว ขณะเดียวกัน ยังมี 6 บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจติดต่อเข้ามาเจรจาเพราะเชื่อว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหนึ่งใน CSR ของบริษัท
ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนมาใช้รถ EV จะช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลงให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ต้องใช้น้ำมัน และการดูแลรักษาก็ง่ายกว่ารถเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปแม้ว่าการลงทุนเริ่มแรกราคารถ EV อาจจะแพงกว่ารถดีเซลแต่ความคุ้มทุนมีมากกว่า ซึ่งเมื่อคำนวณจากราคาน้ำมันณ ปัจจุบัน รถ EV จะช่วยเซฟต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 1,100,000 บาทต่อปี ดังนั้น หากมีการเปลี่ยนมาใช้รถ EV เชื่อว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี และหากราคาน้ำมันยังคงปรับเพิ่มก็จะยิ่งคืนทุนได้เร็วขึ้น” นายคณิสสร์ กล่าว
นายคณิสสร์ กล่าวต่ออีกว่า รถ EV ทุกรุ่นของ NEX เป็นรถที่ผลิตในประเทศไทย โดยโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยโดยนำหุ่นยนต์มาใช้เพื่อความแม่นยำในการผลิตมีกระบวนการชุบเคลือบผิวรถด้วยระบบ EPD ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานให้กับตัวถังรถ ซึ่งโรงงานมีบ่อชุบตัวถังที่สามารถหย่อนรถบัสโดยสารลงไปได้ทั้งคัน พร้อมมีบริการหลังการขาย
ในส่วนของแบตเตอรี่รับประกันถึง 5 ปี และเป็นแบตเตอรี่ที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศ มีการวางแผนและออกแบบระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่ผลิต นำไปใช้ การนำกลับมารีไซเคิล และกำจัดทิ้งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต การซื้อรถ EV ที่ผลิตในประเทศไทย ถือเป็นการช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และในเร็วๆนี้ทราบว่ารัฐบาลเตรียมจะออกมาตรการทางภาษีที่ชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้คนไทยใช้รถEV โดยจะมีผลบังคับใช้ปี 2565 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแจ้งเกิดมากขึ้น