อีกอึดใจเดียว! เตรียมเปิดให้บริการเรียกรถยนต์ส่วนบุคคลผ่านแอปฯ ถูก กม. ภายใน พ.ย.นี้ เคาะค่าโดยสารเริ่มต้น 40 บาท
“ศักดิ์สยาม” เผย “ขนส่งทางบกฯ” คลอดประกาศ กำหนดรถยนต์รับจ้างทางเลือกให้บริการเรียกผ่านแอปพลิเคชั่นแจ้งผู้ให้บริการยื่นขอรับรองตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 เป็นต้นไป เผยมีแอปฯ สนใจแล้ว 6 ราย พ่วงรถป้ายดำกว่า 1 หมื่นคันคาดเริ่มเปิดให้บริการ พ.ย.นี้ ชี้ค่าโดยสารเริ่มต้น 40 บาท พร้อมสั่งขยายผลไปยังรถมอเตอร์ไซค์เพิ่ม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีกฎกระทรวงรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 23 มิ.ย. 2564 โดยกำหนดให้มีรถยนต์รับจ้างทางเลือกผ่านแอปพลิเคชั่นขึ้นอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทาง เพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับประชาชน และเพื่อให้สามารถควบคุม กำกับ ดูแลการให้บริการในลักษณะดังกล่าวให้เกิดความปลอดภัยและเป็นธรรม
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ออกประกาศกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2564 และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ออกอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 4 ฉบับ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 ประกอบด้วย
- ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดคุณลักษณะและระบบการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์ และหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองระบบอิเล็กทรอนิกส์และผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564
- ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดเครื่องหมายและการแสดงเครื่องหมายแสดงการเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564
- ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการวัดกำลังของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า และการวัดความสามารถในการขับเคลื่อนของรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564
- ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดำเนินการทางทะเบียนและภาษีสำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า เนื่องจากกฎกระทรวงกำหนดให้ระบบที่ใช้สำหรับรับงานจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ก่อนนำไปให้บริการประชาชน ดังนั้น ขั้นตอนถัดไปคือการเปิดให้ผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยื่นขอรับรองระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สำหรับให้บริการรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งสามารถยื่นขอรับรองตั้งแต่ 1 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป โดย ขบ.จะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการพิจารณา ภายใต้หลักเกณฑ์การพิจารณาต่างๆ ภายใน 30 วัน โดยหากผ่านการพิจารณาคาดว่า จะเริ่มเปิดให้บริการรถยนต์รับจ้างทางเลือกผ่านแอปพลิเคชั่นภายใน พ.ย. 2564
สำหรับการพิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ นั้น เช่น ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีความปลอดภัยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแสดงอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าที่ชัดเจนโดยละเอียด จะต้องรองรับการเรียกรถแท็กซี่มิเตอร์ในระบบและให้ความสำคัญในลำดับแรก นอกจากนี้ ส่งเสริมการใช้รถยนต์รับจ้างไฟฟ้า กำหนดให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากผู้ขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่เกิน 25% กรณีแท็กซี่มิเตอร์จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากผู้ขับรถ โดยผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีความมั่นคง เป็นมืออาชีพ เปิดกว้างรองรับธุรกิจ Start-up ส่งเสริมธุรกิจดิจิทัล เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการรับรองจาก ขบ. แล้ว จึงจะสามารถเปิดรับสมัครผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าเป็นสมาชิกได้ โดยในเบื้องต้น มีผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นจำนวน 6 ราย ให้ความสนใจยื่นเข้าร่วมโครงการ และมีรถป้ายดำกว่า 1 หมื่นคันที่เตรียมเข้าร่วมแอปพลิเคชั่นอย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ ขบ. ขยายการจัดทำแอปพลิเคชั่นไปยังรถจักรยานยนต์ด้วย สำหรับแอปพลิเคชั่นดังกล่าว ผู้ให้บริการจะมีการจัดระบบการเรียกรถไว้ตามหมวดหมู่ แต่จะจัดให้รถแท็กซี่สาธารณะ อยู่ในอันดับแรก รองลงมา คือ รถประเภทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรถแท็กซี่ส่วนบุคคลตามลำดับ
ในส่วนของการกำหนดเงื่อนไขนั้น หนึ่งคนต่อรถหนึ่งคัน และผู้ขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะที่ถูกต้อง ผ่านการสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รถยนต์ที่ใช้จะต้องเป็นของตนเองมีอายุการใช้งานไม่เกิน 9 ปี มีหลักฐานการจัดให้มีประกันภัย และประกันภัยเพิ่มเติมตามกฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยฯ ด้วย รถที่ขึ้นทะเบียนแล้วจะได้รับเครื่องหมาย รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับแสดงที่กระจกกันลมหน้าและกระจกกันลมด้านหลัง จึงจะสามารถออกให้บริการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า การดำเนินการผลักดันการให้บริการทางเลือกโดยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะก่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวม สามารถที่จะมีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มเติม มีรถยนต์หลากหลายขนาดให้ใช้บริการ อีกทั้งประชาชนยังสามารถประกอบอาชีพเสริมในการขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สอดคล้องตามแนวทาง Sharing Economy กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เดิมก็ได้รับประโยชน์จากการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ถูกเรียกเก็บส่วนแบ่งค่าโดยสาร สามารถบริหารจัดการเส้นทางการให้บริการในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกทั้ง ผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งรายใหญ่และ Start-up สามารถเข้าสู่ระบบได้ถูกต้องตามกฎหมาย ภาครัฐสามารถควบคุมกำกับดูแลการให้บริการของระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นธรรมต่อทั้งฝ่ายผู้ขับรถและผู้โดยสาร ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียมกันโดยมีเป้าหมายในการพัฒนาบริการรถสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ เกิดความปลอดภัย สร้างการเติบโตในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า ตามขั้นตอนเจ้าของแอพพลิเคชั่นจะต้องยื่นเรื่องขออนุญาติไปไปยัง ขบ. โดยจะต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด คือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า5 ล้านบาท มีสถานที่ประกอบการในไทย มีความพร้อมในการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และต้องไม่เคยถูกเพิกถอนการได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการระบบ GPS ตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบก สำหรับอัตราค่าโดยสารกำหนดให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากผู้ขับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่เกิน 25% กรณีแท็กซี่มิเตอร์จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากผู้ขับรถ
อย่างไรก็ตาม ในอัตราค่าโดยสารนั้น จะอยู่ระหว่าง 40-150 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของรถ ส่วนอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง หรือค่าโดยสารระยะทางเกินกว่า 2 กิโลเมตรแรก จะคิดในอัตรากิโลเมตรละ 6-16 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของรถ ส่วนอัตราค่าโดยสารขณะรถจอดนิ่ง คิดอัตราไม่เกิน 2 บาท/นาที โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการเรียกเก็บค่าเรียกรถได้ในอัตราไม่เกิน 20 บาท โดยการออกระเบียบดังกล่าวจะทำให้ไม่มีการเอาเปรียบประชาชน มีราคาที่เป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้ขับรถป้ายดำ รวมถึงไม่มีการตั้งราคาต่ำกว่าต้นทุน