ยังไม่จบ! BTS ร่ายยาวปมคดี ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’ แสนล้าน ลั่น! 3 คดีฟ้องร้องยังไม่เสร็จสิ้น ศาลอาญาฯ นัดไต่สวนช่วงบ่าย 25 ต.ค.นี้

BTS ร่ายยาวแจงปมคดีรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่าแสนล้าน เผยศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดไต่สวนโจทก์จำเลย ช่วงบ่าย 25 ..นี้ ลั่นคดีฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่า รฟม. รวม 3 คดียังไม่เสร็จสิ้น ชี้หากเปิดประมูลใหม่พร้อมเข้าร่วมแข่งขัน ย้ำชัด! กติกาต้องถูกกฎหมายเป็นธรรม จ่อทำหนังสือร่อนถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง เรียกร้องผู้มีหน้าที่มาแก้ไขปัญหาจริงจัง หลังถูกปล่อยมานาน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ  BTSC เปิดเผยภายหลังการพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง วันนี้ (16 .. 2564) ว่าศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้กำหนดนัดพร้อมคู่ความในคดีคือ บีทีเอส และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมบางขุนนนท์ รวมทั้งนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ศาลได้ มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณา เพื่อไต่สวนมูลฟ้องกรณีที่ BTS ได้ฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ กรณีที่ผู้ว่า รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกได้ร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมบางขุนนนท์ โดยศาลได้สอบถามคู่ความแล้ว มีคำสั่งให้เลื่อนไปพิจารณาพยานหลักฐานกันอีกครั้ง ในวันที่ 25 .. 2564 เวลา 13.30 . เนื่องจากทางโจทก์ และจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารเพิ่มเติม

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในวันนี้จำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล โดยได้มอบหมายให้ทนายความมาแทน ซึ่งต่อจากนี้ในส่วนของทางคดี ก็คงต้องรอการไต่สวนตามที่ศาลกำหนดนัดต่อไปว่า สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำพิพากษาออกมาว่า คดีมีมูลหรือไม่ต่อไป โดยในความเห็นส่วนตัว ซึ่งได้ปรึกษากับทีมทนายแล้ว คดีนี้ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ มีความชัดเจนเป็นที่รับทราบทั่วไป อีกทั้งที่สำคัญ คือ พยานฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและเอกสารต่างๆ ระบุชัดเจนว่า สิ่งที่คณะกรรมการคัดเลือก และ รฟม. ดำเนินการมานั้น มีประเด็นปัญหาในเรื่องความไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่ศาลเคยมีคำสั่ง ซึ่งส่งผลต่อการยื่นข้อเสนอและการพิจารณาผลในโครงการนี้อย่างแน่นอน

การที่เรานำคดีฟ้องเข้าสู่ศาลนี้ ได้ปรากฏพยานเอกสาร หลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาพิสูจน์ความจริง และความถูกต้องในสิ่งที่เรายืนยัน ซึ่งเท่าที่เราได้รับเอกสารในสำนวนขณะนี้ เราพบว่า มีเอกสารหลายรายการที่เราพยายามขอเพื่อมายืนยันความเข้าใจของเราว่า เราเข้าใจถูกต้องหรือไม่ แต่ก็ไม่เคยได้ มาวันนี้เอกสารบางอย่างนั้น มาปรากฏในชั้นศาลแล้ว ซึ่งตรงกับความเข้าใจของเรา จึงยิ่งทำให้เรามีความเชื่อมั่นในการเดินหน้าต่อสู้ในเรื่องนี้ต่อไป

นายสุรพงษ์กล่าว

สำหรับประเด็นที่ผู้ว่า รฟม.ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 1 .. 2563 ที่ผ่านมา โดยสรุปว่าคดีความในศาลปกครองเสร็จสิ้นหมดแล้ว คงเหลือคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพียงคดีเดียว และจะเดินหน้าการประมูลโครงการดังกล่าว โดยจะสามารถออกเอกสารประกวดราคา (TOR) ใหม่ ได้ภายใน .. 2564 นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องขอทำความเข้าใจผ่านสื่อฯ ไปถึงคณะกรรมการคัดเลือกทุกท่าน ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับ รฟม. และรัฐบาลว่า BTS มีคดีความกับ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก 3 คดี แยกเป็นคดีปกครอง 2 คดี และคดีอาญาทุจริต 1 คดี

โดยยืนยันว่า ทั้ง 3 คดี ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ไม่ได้เสร็จสิ้นไปตามที่ผู้ว่า รฟม.แถลงคดีปกครองที่บีทีเอสฟ้อง 2 เรื่อง กล่าวคือ เรื่องแรก BTS ฟ้องว่า การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคัดเลือกภายหลังจากที่คณะกรรมการคัดเลือกได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ และเปิดจำหน่ายซองเอกสารประมูลไปแล้ว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบและก่อให้เกิดความเสียหายในทางละเมิดต่อ BTS ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งยกเลิกการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าว และในระหว่างการพิจารณาคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับไม่ให้

ทั้งนี้ รฟม. นำหลักเกณฑ์ใหม่มาใช้บังคับและขอเรียกร้องค่าเสียหายในคดีละเมิด ซึ่งในคดีนี้ศาลปกครองกลางเห็นว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับ ไม่ให้รฟม.ใช้หลักเกณฑ์ใหม่ที่แก้ไขมาคัดเลือก  และ รฟม.ได้อุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด แต่ในระหว่างรอฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุด รฟม.โดยคณะกรรมการคัดเลือก ได้ออกคำสั่งยกเลิกประกาศเชิญชวนประมูลโครงการดังกล่าว

อีกทั้ง มาร้องต่อศาลขอให้ศาลจำหน่ายคดี โดยอ้างว่าได้ยกเลิกการประมูลในครั้งนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะพิจารณาว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วได้อนุญาตให้จำหน่ายคดีที่บีทีเอสฟ้อง เรื่องการแก้ไขหลักเกณฑ์โดยไม่ชอบ แต่สำหรับเรื่องที่บีทีเอสฟ้องเรียกค่าเสียหายในเรื่องรฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกกระทำละเมิดนั้น มีความไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ยังคงต้องพิจารณากันต่อไป

ขณะที่ คดีที่สอง เป็นคดีที่ BTS ฟ้องว่า มติคณะกรรมการคัดเลือก และประกาศ รฟม. ที่ให้ยกเลิกประกาศเชิญชวนไม่ชอบตามแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือยกเลิกมติ และประกาศดังกล่าว รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้คณะกรรมการคัดเลือก และ รฟม. กระทำการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนในโครงการพิพาท ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำสั่งยกคำขอที่บีทีเอสขอในเรื่องห้ามมิให้กระทำการใดๆ ในเรื่องการคัดเลือกเอกชน ส่วนเรื่องการยกเลิกประกาศเชิญชวนไม่ชอบยังอยู่ในการพิจารณา

อย่างไรก็ตาม โดยสรุปแล้ว คดีความที่ BTS ฟ้อง รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกทั้ง 3 เรื่อง ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของทั้งศาลปกครอง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ดังนั้น การแถลงข่าวของผู้ว่า รฟม.ข้างต้น จึงไม่ตรงกับความจริง ส่วนประเด็นที่จะเดินหน้าโครงการต่อ ทาง BTS ไม่ขัดข้องและเคารพในคำตัดสินของศาลแต่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ BTS ยืนยันว่า พร้อมเข้าร่วมแข่งขันในกฎกติกา และการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรม แต่หากกติกาที่จะออกมาใหม่เปลี่ยนแปลงไปจากหลักการโครงการที่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้เคยนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และทำให้ ครม. มีมติเห็นชอบ และคณะกรรมการคัดเลือกเอาหลักเกณฑ์ดังกล่าว ไปรับฟังความคิดเห็นจากเอกชน จนมาออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนแล้ว โดยเห็นว่า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ล้วนไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น

นับตั้งแต่เกิดปัญหาการแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชน มาจนถึงวันนี้ เวลาผ่านมาปีเศษแล้ว เรื่องนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ งบประมาณเป็นแสนล้าน หากไม่เป็นประเด็นปัญหาซับซ้อน คงไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนานเช่นนี้ ทางเราอยากให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบลงมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง คงปล่อยให้ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกดำเนินการไปเรื่อยๆ เช่นนี้ คงไม่เกิดประโยชน์ โดยในวันพรุ่งนี้ (17 .. 2564) BTS จะออกหนังสือไปยังผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 เพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแลในเรื่องนี้ ลงมาแก้ไขปัญหาและทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายต่อไปนายสุรพงษ์ กล่าว