‘ทางหลวง’ จัดมีตติ้งใหญ่นัดแรก ‘มอเตอร์เวย์ หมายเลข 7’ เชื่อมอู่ตะเภา คาดศึกษาเสร็จปี 64 สร้างเสร็จปี 67 ทันเปิดใช้ปี 68
“ทางหลวง” จัดประชุมใหญ่ครั้งแรก ลุยสำรวจ-ออกแบบโครงการมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 เชื่อม “สนามบินอู่ตะเภา” ระยะทาง 2 กม. เผยดำเนินการให้เกิดผลกระทบประชาชนน้อยที่สุด คาดศึกษาแล้วเสร็จปี 64 สร้างเสร็จปี 67
รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) ระบุว่า วันนี้ (29 ก.ค. 2564) เมื่อเวลา 09.00 น. ทล. ได้จัดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) งานสำรวจและออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ณ ห้องประชุมเลิศไพลิน ชั้น 8 โรงแรมบีซีพี บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมีนายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการประชุม
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวนั้น เพื่อนำเสนอข้อมูลโครงการ ความเป็นมาของโครงการ วัตถุประสงค์ของการศึกษา ขอบเขตการศึกษา และแนวคิดเบื้องต้นในการพัฒนาโครงการ ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุม
สำหรับโครงการมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา เป็นการก่อสร้างทางแนวใหม่เชื่อมต่อระหว่างมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 กับอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ของสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและความสะดวกรวดเร็วในการคมนาคมขนส่ง
ดังนั้น ทล. จึงได้ดำเนินการว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอ 21 คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท เอเซีย แล็ป แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาโครงการฯ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียด ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
สำหรับแนวเส้นทางโครงการมีจุดเริ่มต้นโครงการจากทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 บริเวณด่านจัดเก็บค่าผ่านทางอู่ตะเภามุ่งหน้าทางทิศใต้ข้ามทางรถไฟสายตะวันออก ตัดกับทางหลวงพิเศษหมายเลข 3 ถึงจุดสิ้นสุดบริเวณอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ของสนามบินอู่ตะเภา มีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร (กม.) พร้อมกับก่อสร้างทางแยกต่างระดับอีก 1 แห่ง บริเวณจุดสิ้นสุดโครงการ
ส่วนพื้นที่ศึกษาครอบคลุมทั้งหมด 2 ตำบล ได้แก่ ต.สำนักท้อน และ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยได้มีการพิจารณารูปแบบทางแยกต่างระดับบริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3 ทั้งหมด 3 รูปแบบ และจะทำการคัดเลือกรูปแบบทางแยกต่างระดับที่มีความเหมาะสม ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปออกแบบรายละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ ด้านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการฯ จะดำเนินการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเกิดผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมและประชาชนให้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวงจะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนนำมาพิจารณาประกอบการศึกษาของโครงการ พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดกิจกรรม
การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อมูลโครงการไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่โครงการได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.m7-utapaoairport<http://www.m7-utapao.comairport>.com
รายงายข่าวจาก ทล. ระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้ ทล. คาดว่า การออกแบบ ศึกษา ควบคู่การจัดทำ EIA จะแล้วเสร็จภายในปี 2564 โดยในเบื้องต้น ทล.จะเสนอขอกู้เงิน เพื่อนำมาลงทุนโครงการวงเงิน 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง 3,940 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 260 ล้านบาท เนื่องจากโครงการฯ ได้ถูกตัดออกจากการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ซึ่งเมื่อ ทล. ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้จำนวนดังกล่าวแล้วนั้น จะเริ่มดำเนินการทันที
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มกระบวนการเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้างภายในกลางปี 2565 ควบคู่กับการเวนคืนที่ดิน ซึ่งบางส่วนเป็นของทหาร โดยจะต้องไปดำเนินการขอใช้พื้นที่ และอีกส่วนจะเป็นพื้นที่โล่ง ทำการเกษตร ซึ่งจะต้องมีการเวนคืนในเขตทางเพิ่ม 40 เมตร จากนั้นจะเริ่มการก่อสร้าง ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี แล้วเสร็จในปี 2567 และเปิดให้บริการในปี 2568 เพื่อให้เป็นไปตามแผนเปิดท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
ขณะเดียวกัน หากโครงการดังกล่าว ไม่ผ่านการพิจารณาให้ใช้งบประมาณจากการกู้เงินนั้น ทล. จะนำโครงการฯ ไปจัดตั้งงบประมาณไว้ในแผนการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ซึ่งหากได้รับการจัดสรรแล้วนั้น จะเปิดประกาดราคาภายใน ต.ค. 2565 (เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566) และเริ่มก่อสร้างทันที อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จ และทันตามแผนที่กำหนดไว้เช่นเดียวกับการกู้เงิน