‘วิริยะ’ ปี 63 โกยเบี้ยรับรวม 3.8 หมื่นล้านบาท เปิดแผน 5 ปี มุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ พร้อมเดินหน้าสู่ ‘Health Advisor’ เต็มสูบ

วิริยะประกันภัย” เปิดแผนงานการดำเนินงานปี 64 มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระดับ Deep Tech พร้อมเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก อาทิเช่น Oracle, Microsoft และ MuleSoft ร่วมวางแผน 5 ปี เพื่อก้าวสู่ Total Experience ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในทุกๆ ด้าน ขณะที่ปี 63 วิริยะมีสินทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านเงินกองทุนสูงเกินค่ามาตรฐานถึง 224.70%  ส่วนเบี้ยประกันรับรวมยังครองอันดับหนึ่ง 3.8 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะประกันภัยสุขภาพมาแรงสุดจึงต้องเดินหน้าเป็น Health Advisor เต็มสูบ

นายอมร ทองธิว กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี2564 นี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ภายใต้แผนธุรกิจปี 2564 Customer Centric : องค์รวมประสบการณ์ แห่งการเป็นอันดับ 1 ในใจลูกค้าตลอดกาล” โดยวิริยะ ไม่ได้มองเรื่องยอดขาย ไม่ได้มองว่าจะบุกตลาดอะไรอย่างไร และที่สำคัญ Philosophy ที่วิริยะประกันภัยใช้มาตลอด คือ ทำหน้าที่บริการ เป็นหลักประกันสังคม ทำบริการให้ดี ลูกค้าพึงพอใจจนบอกต่อเป็น Word of Mouth  การใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์ Customer Centric

“ต้องตอกย้ำว่าถึงแม้เราจะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี แต่เราก็ไม่ทิ้งคน เรามีคนในเครือข่าย 76 จังหวัด บุคลากรกว่า 6,500 คน พนักงานเคลมสินไหมกว่า 2,000 คน เรามองเป็นจุดแข็ง Touch Point ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เราต้องเพิ่มศักยภาพให้กับเขา ติดเทคโนโลยีให้เขา เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสามารถบริการลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น” นายอมร กล่าว

นายอมร เปิดเผยต่อไปอีกว่า การพัฒนาเทคโนโลยีในปีนี้ บริษัท ได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท พร้อมเลือกบริษัทซอฟต์แวร์มาร่วมพัฒนา คือ Oracle และ MuleSoft  อีกทั้งยังได้เลือก Microsoft เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความปลอดภัยทางเทคโนโลยี โดยกำหนดเป็นแผนงานที่จะดำเนินการต่อเนื่องภายใน 5 ปี เพื่อให้แพลตฟอร์มต่างๆ ให้เกิดการเชื่อมต่อทุกคนทำงานด้วยข้อมูลชุดเดียวกัน และเป็นเรียลไทม์

ล่าสุดเปิดตัวโครงการ Project Oracle ERP ภายใต้ชื่อคอนเซ็ปต์  Viriyah One Finance and  Accounting “ VFin”  ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระบบการเงิน บัญชี ให้สามารถบริหารจัดการตรวจสอบ การจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญทำให้ระบบการจ่ายสินไหมทดแทนรวดเร็วขึ้น

นายอมร ได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า เมื่อสิ้นสุดแผน 5 ปี Customer Centric ที่วิริยะประกันภัยมุ่งมั่นทำงานมาตลอดจะมีความสมบูรณ์แบบ เป็นระบบเทคโนโลยีที่สามารถรองรับความเป็น Total Experience องค์รวมประสบการณ์ เพื่อการสู่กระบวนยุทธ CXM (การบริหารประสบการณ์ลูกค้า : Customer  Experience  Management) อันส่งผลให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี

สำหรับผลประกอบการในปี 2563 ที่ผ่านมา วิริยะต้องเผชิญวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปรับตัว ปรับกระบวนธุรกิจทั้งด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อให้สอดรับความเป็นจริงของรายได้ผู้คนที่ลดลง อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป อาทิ คนเริ่มใช้รถน้อยลง วิริยะประกันภัยจึงได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ตามการใช้งานและความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป

“ในภาวะที่คนไทยเผชิญกับวิกฤตสุขอนามัยจากไวรัสโควิด-19  เราหาทางแบ่งเบาความเสี่ยงให้กับประชาชน นอกจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันที่มีอยู่ให้มีความคุ้มครองเหมาะสม เรายังออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ “โควิด-19 ชิลด์” ซึ่งเราสามารถสร้างยอดขายได้เกือบ 2 ล้านกรมธรรม์  อีกทั้งกรมธรรม์ดังกล่าวยังได้รับรางวัลอีกด้วย ขณะที่ต้นน้ำเราปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญ ปลายน้ำคือส่วนบริการหลังการขาย เราใช้เทคโนโลยีมารองรับงานบริการเคลมที่เรียกว่า VClaim on VCall การเคลมนัดหมายผ่านวิดีโอคอลจากที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมีการพบปะกันตามหลักการของ Social Distancing บริการดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี” นายอมร กล่าว

สำหรับ การพัฒนาเทคโนโลยีในปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก คือ เทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากลูกค้า เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อทางธุรกิจกับคู่ค้า และเทคโนโลยีเพื่อบริการสินไหมทดแทน โดยปีที่แล้วบริษัทได้เลือกบริษัทซอฟต์แวร์ Salesforce มาจัดทำระบบ CRM  (Customer Relationship Management) ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมากเพราะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและได้รับการบริการด้านประกันภัยได้ในหลากหลายช่องทาง และที่สำคัญทำให้บริษัทฯ เชื่อมต่อกับคู่ค้าได้รวดเร็วขึ้นและในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนผลประกอบการ นายอมรเปิดเผยว่าในปี 2563 วิริยะประกันภัยมีผลประกอบการที่พอใจ ด้วยเบี้ยรับรวมกว่า 38,143 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 33,315 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,827 ล้านบาท ในขณะที่ความมั่นคงของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เช่นเดียวกัน วิริยะประกันภัยยังมีฐานะการเงินที่เข็มแข็ง มีสินทรัพย์ 76,149 ล้านบาท มีเงินกองทุน 41,219 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนอยู่ที่ 224.70% สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กฏหมายกำหนดไว้ที่ 120%

ส่วนทางด้าน นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงตลาดประกันภัยรถยนต์ว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ปีที่ผ่านมาลดลงทั้งระบบ ส่งผลให้กรมธรรม์ประกันภัยรถใหม่หรือรถป้ายแดงลดลงตามไปด้วย ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเน้นดูแลลูกค้าเก่าไว้ให้ดี ส่งผลให้อัตราการต่ออายุกรมธรรม์ประกันรถยนต์ของวิริยะอยู่ในระดับสูงมากกว่า 70%

ขณะที่ เรื่องบริการหลังการขาย วิริยะประกันภัยเน้นการพัฒนาเรื่องของงานดูแลเรื่องสินไหมทดแทน  ล่าสุดได้พัฒนาจุดบริการให้ครอบคลุมทั่วไทยมากขึ้น จากที่วิริยะประภัยมีศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในแต่ละจังหวัดแล้ว ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบอุบัติเหตุในพื้นที่ที่เป็นรอยต่อของจังหวัด และในปีนี้วิริยะได้จัดตั้งจุดบริการ เรียกว่า “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” โดยเช่าพื้นที่ในปั๊มน้ำมันเพื่อให้พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุไปนั่งทำงาน

“เป็นที่ทราบกันว่าพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุของวิริยะประกันภัยทำงานบนสมาร์ทโฟน ดังนั้นการไปนั่งทำงานในพื้นที่ปั๊มน้ำมันจึงเป็นเรื่องง่าย  ซึ่งช่วยให้การทำงานด้านสินไหมมีประสิทธิภาพ และลูกค้าได้รับการบริการ การดูแลด้วยความฉับไว” นายสยมกล่าว

นอกจากนี้ วิริยะจะเริ่มมีการพัฒนาพนักงานที่เกี่ยวข้องด้านสินไหมทดแทน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ พนักงานสรุปรายการความเสียหาย ด้วยการจัดทำหลักสูตรขึ้นมารองรับเรียกว่า “V-Shine” เพื่อให้พนักงานเข้าใจหน้าที่ของตนเอง เพื่อให้เกิดทีมงานที่มีประสิทธิภาพ

ด้าน นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานการประกันภัยที่มิใช่รถยนต์ Non-Motor ว่า ช่วงปีที่ผ่านมาวิริยะสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับตรง ด้าน Non-Motor เป็น 4.5% จาก สัดส่วน 4.1% ในปีก่อนหน้า โดยมีเบี้ยรับประกันภัยอยู่ที่ 4,827 ล้านบาท และนอกจากนี้ยังคงสามารถเพิ่มสัดส่วนงานประกันภัย Non-Motor ให้มีสัดส่วนที่ 12.65% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมของ บริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2562 อยู่ที่ 10.48% ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายของบริษัทที่จะเพิ่มสัดส่วนงานประกันภัย Non-Motor ให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาประกันภัย Non-Motor ด้านประกันภัยสุขภาพ วิริยะเติบโตได้ถึง 317.85% เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 โดยเฉพาะแผน “ประกันโควิด-19 ชีลด์”  นอกจากนี้ยังเปิดตัวแผนประกันสุขภาพ “Viriyah Healthcare by BDMS” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คุ้มครอง คุ้มค่า ราคาเพื่อคนไทย” ซึ่งเป็นแผนประกันที่ค่าเบี้ยจับต้องได้ และความคุ้มครองเข้าใจง่าย แบบเหมาจ่าย ไม่ซับซ้อน

ส่วนเป้าหมายปี 2564 ด้านการประกันภัย Non-Motor วิริยะประกันภัยยังคงขยายแผนงานประกันภัยสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายช่องทางการตลาดทางตรง เป็น 180 อัตราภายในสิ้นปี ทั้งทางโทรศัพท์ และการตลาดประจำบูธต่างๆ และยังคงเน้นหาคู่ค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางการขายผ่านตัวแทน โดยได้วางแผนพัฒนาระบบเพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อให้ตัวแทนได้ใช้เป็นเครื่องมือในการขยายงานด้านประกันภัยสุขภาพ แบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น  รวมถึงการพัฒนา Health Advisory การบริการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ก่อน ระหว่าง และหลังการรักษาพยาบาล ให้ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ วิริยะมีโครงการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพเฉพาะโรค เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงการปรับปรุงแผนประกันภัยโควิด-19 ซึ่งจะเพิ่มผลประโยชน์ความคุ้มครองในภาวะโคม่าสำหรับการแพ้วัคซีน รวมถึงแผนประกันสุขภาพและอุบัติเหตุอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่จะปรับให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น