พลิกมุมเด็ด!! Trade war ‘สหรัฐ-จีน’ ไทยเตรียมฉก!!ฐานการผลิตแดนมังกร

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ชี้โอกาสผู้ผลิตสินค้าไทยที่มีศักยภาพ เร่งพัฒนาตนเองให้เป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้ประกอบการสหรัฐที่กำลังมองหาแหล่งผลิตใหม่แทนตลาดจีน หลังสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 10% และเตรียมปรับเพิ่มเป็น 25% ในปีหน้า

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองไมอามี พบว่าหลังการประกาศขึ้นภาษีขาเข้าของสหรัฐ ที่เป็นตัวจุดชนวนสงครามการค้ากับจีน และส่งผลกระทบต่อนานาประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการสหรัฐจำนวนมากพยายามย้ายแหล่งผลิตออกจากจีนทั้งที่มีการเข้าไปลงทุนเอง และที่ว่าจ้างให้ผลิต

สำหรับผู้ประกอบการสหรัฐที่ว่าจ้างผลิตนั้นอาจย้ายแหล่งผลิตได้ง่ายกว่ากลุ่มที่เข้าไปลงทุนผลิตในจีนเอง และบางส่วนได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกแหล่งผลิตใหม่แล้ว เว้นแต่กลุ่มที่มีแหล่งสินค้าผูกติดกับจีนหรือกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอรับการยกเว้นจากรัฐบาล โดยผู้ประกอบการสหรัฐจำนวนมากกำลังศึกษาหาแหล่งผลิตทางเลือกใหม่จากประเทศแถบอาเซียนไปจนถึงเม็กซิโกที่ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มจากสหรัฐ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนก็เพื่อลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากจีนลง จึงไม่น่าจะยอมยกเว้นให้มากนัก

“ในปี 2019 หากสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 25% ผู้ค้าปลีกบางส่วนยืนยันว่าคงต้องผลักภาระไปให้ผู้บริโภคแน่นอน หากไม่ได้รับการยกเว้น ในขณะที่ผู้ผลิตสินค้าบางรายการเริ่มผลักภาระให้ผู้บริโภคแล้ว เช่น กระเป๋าเดินทางและกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาที่ขายในสหรัฐ ซึ่งมีแหล่งผลิตจากจีนถึง 70% หรือสินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยแหล่งผลิตจากจีนถึง 84% โดยผู้ผลิตสินค้ายืนยันว่าการย้ายฐานการผลิตเป็นไปได้ยาก เนื่องจากประเทศอื่นๆ ไม่มีกำลังการผลิตหรือความสามารถการผลิตเทียบเท่ากับจีน”

นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวเสริมอีกว่า สินค้าที่กำลังเข้าแถวรอการปรับอัตราภาษีขึ้นจาก 10% เป็น 25% ในปีหน้าแบ่งตามหมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้แก่ สารอินทรีย์เคมี ปลา สารเคมี ฝ้าย กระดาษ อุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบเครื่องจักรยานยนต์ อุปกรณ์ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อาหารพืชผัก รวมกันแล้ว
กว่า 5,745 รายการชนิดสินค้า ซึ่งหลายชนิดสินค้าในรายการนี้ ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ และถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพต้องเร่งพัฒนาตนเองให้เป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้ประกอบการสหรัฐ ที่ยังมองหาแหล่งผลิตใหม่มาทดแทนแหล่งผลิตจากจีน

หากสหรัฐขยายกรอบการเพิ่มภาษีขาเข้าสำหรับสินค้าจีนไปยังสินค้าอื่น เช่น รองเท้าเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ที่มีมูลค่าถึง 2.67 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ประกอบการสหรัฐก็ต้องเร่งหาแหล่งผลิตสินค้าใหม่ ซึ่งสำหรับบางรายที่ลงทุนและใช้แหล่งการผลิตจากจีนมาเป็นเวลานานกว่า 10ปี การจะย้ายฐานการผลิตสินค้าต้องใช้เวลานาน หรืออาจไม่สามารถย้ายฐานการผลิตได้เลย หากมีการขยับภาษีนำเข้าเป็น 25% บริษัทเหล่านี้ ก็จำเป็นต้องผลักภาระให้ผู้บริโภครับไว้ในที่สุด