ไปรษณีย์ไทย เปิดบริการอีแพ็กเก็ต ส่งสินค้าระหว่างประเทศราคาประหยัด

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เผยความพร้อมให้บริการส่งระหว่างประเทศราคาประหยัด หรือ อีแพ็กเก็ต สำหรับพัสดุสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ไปยัง 29 ประเทศปลายทางทั่วโลก ตอบโจทย์การขยายตัวอีคอมเมิร์ซไทยหลังเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ ชี้สินค้าแฮนด์เมด เครื่องประดับ ตุ๊กตาผ้า และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านชิ้นเล็ก ส่งผ่านอีแพ็กเก็ตเป็นจำนวนมาก พร้อมแจ้งปรับปรับอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 150 บาท และสามารถซื้อบริการความคุ้มครองสินค้า ePacket Plus จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 30 บาทต่อชิ้น หากลูกค้าที่ต้องการความเร่งด่วนสามารถเลือกใช้บริการอีเอ็มเอส เวิลด์ บริการคูเรียร์โพสต์ และบริการโลจิสโพสต์ เวิลด์ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อประเทศปลายทางและอัตราค่าธรรมเนียมบริการต่าง ๆ ได้ที่  www.thailandpost.co.th และ THP Contact Center 1545

นายวิบูลย์ เสรีชัยพร ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายและกำลังปรับไลฟ์สไตล์เข้าสู่การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ (New Normal) ประกอบกับการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ ไปรษณีย์ไทย ในฐานะตัวเชื่อมต่อโลกธุรกิจดิจิทัล ด้วยศักยภาพการขนส่งไร้พรมแดน ได้เผยความพร้อมให้บริการส่งระหว่างประเทศราคาประหยัด หรือ อีแพ็กเก็ต (ePacketสำหรับพัสดุสิ่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ไปยัง 29 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ เวียดนาม ไต้หวัน จีน ภูฏาน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร รัสเซีย กรีซ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ บราซิล เบลเยี่ยม โปแลนด์ โปรตุเกส ฟินแลนด์ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย อิตาลี แคนาดา ตุรกี นอร์เวย์ และเตรียมเปิดให้บริการประเทศญี่ปุ่น และออสเตรเลียในวันที่ 17 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป โดยมีการปรับอัตราค่าบริการเริ่มต้นจากเดิม 120 บาท เป็น 150 บาท เนื่องด้วยต้นทุนค่าขนส่งทางอากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการระงับเที่ยวบินในสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งเครือข่ายไปรษณีย์ปลายทางมีการปรับค่าดำเนินการนำจ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นค่าดำเนินการที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นายวิบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การซื้อขายผ่านร้านค้าในระบบออนไลน์และอีมาร์เก็ตเพลส ได้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจในสินค้าไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในภาวะที่ไม่สามารถเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้ ซึ่งพบว่าสินค้าแฮนด์เมด เครื่องประดับ ตุ๊กตาผ้า และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านชิ้นเล็ก ถือเป็นกลุ่มสิ่งของที่มีการส่งผ่านระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ด้วยบริการอีแพ็กเก็ต (ePacket) มาก ซึ่งสามารถเช็กสถานะสิ่งของแบบเรียลไทม์ได้ทุกขั้นตอนจึงตอบโจทย์ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซได้ นอกจากนี้ หากผู้ใช้บริการเพิ่มความคุ้มครองสินค้ากรณีสูญหายหรือเสียหายด้วยบริการ ePacket Plus จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 30 บาทต่อชิ้น ได้รับความคุ้มครองสูงสุด 1,500 บาทต่อชิ้น

ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่ต้องการความเร่งด่วนสามารถเลือกใช้บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ หรืออีเอ็มเอส เวิลด์ (EMS World) ที่เปิดให้บริการแล้ว 41 ประเทศทั่วโลก หรือบริการคูเรียร์โพสต์ (Courier Post) เปิดให้บริการแล้ว 107  ประเทศ และสำหรับการส่งสินค้าที่มีน้ำหนัก 20 – 200 กิโลกรัม สามารถเลือกใช้บริการโลจิสโพสต์ เวิลด์ (Logispost World) ที่เปิดให้บริการแล้ว 31 ประเทศทั่วโลกได้ โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบรายชื่อประเทศปลายทางและอัตราค่าธรรมเนียมบริการต่าง ๆ ได้ที่  www.thailandpost.co.th และ THP Contact Center 1545 นายวิบูลย์ กล่าวสรุป