สนข. กางแผน ‘บก-น้ำ-ราง-อากาศ’ อำนวยความสะดวก-รับการเดินทาง ปชช. ช่วงวันหยุดยาว 24-28 ก.ค.นี้

สนข. กางแผน ‘บก-น้ำ-ราง-อากาศ’ อำนวยความสะดวก-รับการเดินทางประชาชน ช่วงวันหยุดยาว 24-28 ก.ค.นี้ คาดปริมาณเดินทางระหว่างจังหวัด-ในจังหวัด รวม 5 วันสะสม 2.1 ล้านคน ฟาก กทม.และปริมณฑล คาดเดินทาง 6.9 ล้านคน

นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม (คค.) ผ่านการประชุมทางไกลด้วยระบบ Zoom Cloud Meetings พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมประชุมดังกล่าว ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2563 กำหนดให้วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563 เป็นวันหยุดราชการชดเชยวันสงกรานต์ ประจำปี 2563 ประกอบกับวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ 10 จึงทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องรวม 4 วัน ระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2563 และคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม จึงได้มอบหมายให้ สนข. เป็นหน่วยงานหลักเพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว โดยให้ถอดบทเรียนเมื่อช่วงวันหยุดอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา (3–7 กรกฎาคม 2563) ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สนข. ได้บูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์และสรุปผลการดำเนินงาน พบว่า ภาพรวมสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนบนโครงข่ายของ คค. (ข้อมูล ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2563) มีการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น จำนวนรวม 369 ครั้ง โดยการขับรถเร็วเกินกำหนดถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุสูง ถึง 71% สาเหตุรองลงมามาจากตัดหน้ากระชั้นชิดและหลับใน ซึ่งลักษณะของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 3 ลำดับแรก ได้แก่ รถพลิกคว่ำ รถชนท้าย และรถชนกันหรือเฉี่ยวชน ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า ถนนทางตรงมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด ถึง 67% เมื่อเทียบกับลักษณะทางประเภทอื่นๆ สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ชลบุรี 34 ครั้ง สุพรรณบุรี 23 ครั้ง และกรุงเทพมหานคร 21 ครั้ง

นายชยธรรม์ กล่าวต่ออีกว่า ได้นำเสนอข้อมูลการคาดการณ์ปริมาณการเดินทางของประชาชนด้วยระบบขนส่งสาธารณะในช่วง 5 วัน ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2563 โดยคาดว่าจะมีการจัดบริการขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ รวมประมาณ 230,000 เที่ยว บริการรองรับผู้โดยสาร รวมประมาณ 9 ล้านคน อีกทั้งคาดว่าจะมีผู้เดินทางระหว่างจังหวัดมากขึ้นกว่าช่วงวันหยุดอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา

การเดินทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 5 วันสะสม จำนวน 6.9 ล้าน (คน-เที่ยว) ได้แก่

  1. รถประจำทาง จำนวน 3.88 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 56%
  2. รถไฟฟ้า จำนวน 2.67 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 43%
  3. เรือด่วนเจ้าพระยา/คลองแสนแสบ จำนวน 0.07 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 1%

ในส่วนของการเดินทางระหว่างจังหวัดและในจังหวัด รวม 5 วันสะสม จำนวน 2.1 ล้าน (คน-เที่ยว) ได้แก่

  1. รถ บขส./รถหมวด 3–4 จำนวน 0.93 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 44%
  2. เรือ จำนวน 0.55 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 26%
  3. เครื่องบิน จำนวน 0.55 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 16%
  4. รถไฟระหว่างเมือง จำนวน 0.28 ล้าน (คน-เที่ยว) คิดเป็น 14%

นายชยธรรม์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยฯ ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2563 จะยังคงดำเนินมาตรการต่างๆ ตามแนวทางหลักของช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ประกอบด้วย 2 แผนหลัก ได้แก่ แผนรองรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและแผนรองรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง อาทิ การบริการระบบขนส่งสาธารณะต้องเข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานีโดยสาร ภายในรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือโดยสาร และเครื่องบิน อย่างเข้มข้นและจริงจัง กำกับและควบคุม เพื่อป้องกันจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทาง บริหารจัดการจราจรทางถนนให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัดอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในขนส่งสาธารณะรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ พ.ศ. 2563

ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับและเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

  • นำสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ มาวิเคราะห์จัดทำเป็นข้อมูล เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในช่วงวันหยุดในครั้งต่อไป
  • มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดช่องผ่านทาง ณ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางบนถนนมอเตอร์เวย์ และทางด่วนในทุกช่องทาง เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดและเร่งระบายรถที่ติดสะสมบริเวณหน้าด่าน พร้อมทั้งมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์อย่างชัดเจน
  • มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถบรรทุกให้งดวิ่งช่วงวันหยุดดังกล่าว และทำการจัดระเบียบการจราจรบริเวณจุดขึ้นเนินต่างๆ โดยรถบรรทุกต้องวิ่งชิดซ้าย
  • มอบหมายให้ ทล. กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ กทพ. คืนพื้นผิวจราจร และหยุดงานก่อสร้างในจุดต่างๆ เพื่อลดปัญญาการจราจรติดขัดและเร่งระบายรถในจุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่างๆ
  • มอบหมายให้ ทล.จัดทำป้ายบอกระยะจุดพักรถล่วงหน้า เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบถึงระยะของจุดพักรถ บริเวณจุดพักรถ (Rest Area) บนถนนมอเตอร์เวย?์หมายเลข 7 เพื่อให้รถยนต์ที่ไปใช้บริการสามารถใช้ช่องทางด้านขวาได้
  • ให้ยังคงรักษามาตรการเฝ้าระวัง COVID-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ

นายชยธรรม์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าวนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน รัฐบาลได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา) และหมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี) และยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก รวม 6 วัน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 รวมทั้งเพิ่มการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2563