‘ศักดิ์สยาม’ พอใจผลการดำเนินงานบริหารจราจรพระราม 2 กว่า 80% สั่งหยุดก่อสร้างหยุดยาวปลายเดือนนี้ เร่ง ทล.เคลียร์มอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ ลุยตั้งงบ 64 ศึกษา 2 โปรเจ็กต์สายใต้

“ศักดิ์สยาม” บุกตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 ระบุพอใจผลการดำเนินงาน 80% พร้อมสั่งหยุดก่อสร้างช่วงวันหยุดยาวปลายเดือนนี้ หวั่นกระทบเดินทาง ปชช. แนะติด CCTV มอนิเตอร์เรียลไทม์ 24 ชม. ปูพรมทั่วประเทศ สั่ง “ทางหลวงฯ” เคลียร์ปัญหาสร้างมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ แนะซอยโครงการเป็นช่วงๆ หวังให้โครงการเกิดเร็ว พร้อมลุยตั้งงบปี 64 ศึกษา 2 โปรเจ็กต์สายใต้ ด้าน ทล.อัพเดทก่อสร้างพระราม 2 คืบหน้าเร็วกว่าแผน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังรับฟังสรุปภาพรวมและลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 สายธนบุรี-ปากท่อ ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม.ของกรมทางหลวง (ทล.) และโครงการก่อสร้างทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ผู้รับเหมาได้นำเครื่องจักรเข้าพื้นที่โครงการ จำนวน 2 จุด ได้แก่ กม.14+000-กม.15+000 และ กม.18+000- กม.20+295 นั้น สภาพการจราจรชะลอตัวบางช่วง ซึ่งจากสถิติพบว่า ก่อนนำเครื่องจักรเข้าพื้นที่ ความเร็วรถอยู่ที่ 55.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเมื่อนำเครื่องจักรเข้ามาแล้วความเร็วอยู่ที่ 53.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ในวันนี้นั้น ถือว่าพอใจการดำเนินการดังกล่าว 80% รวมถึงยังไม่มีผู้ตำหนิการทำงานของ ทล. ที่ได้ดำเนินการตามหน้าที่ และคาดหวังว่าจะได้รับคำชม ขณะเดียวกัน ช่วงวันหยุดยาววันที่ 25-28 ก.ค. นี้ ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการและใช้มาตรการเดียวกับช่วงวันหยุดยาวเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งพิจารณาพื้นที่เสี่ยง และหยุดการก่อสร้างในช่วงวันดังกล่าว เพื่อคืนผิวการจราจรให้กับประชาชน

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้สั่งการให้ ทล.ไปพิจารณาเรื่องการวางแนวแบริเออร์​ให้ชัดเจน ในส่วนของป้ายสัญญาณจราจรบดบังสายตาผู้ขับขี่หรือไม่ โดยสั่งการให้นายช่างตรวจสอบทุกวัน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการทุกภาคส่วนในการติดตั้งกล้อง CCTV 12 จุด ซึ่งสามารถดูการจราจรและมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยัง กทพ.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ (สตช.) ทั้งนี้ มีแนวคิดว่าจะติดจะติดตั้งกล้อง CCTV และบูรณาการทั่วประเทศ ซึ่งนำต้นแบบมาจากประเทศเกาหลีใต้ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ แต่จะใช้เวลามีเหตุใช้วิทยุสื่อสารแจ้ง

“โครงการนี้มีเวลา 3 ปี แต่จะเร่งรัดการก่อสร้างให้คืนผิวการจราจรให้เร็วที่สุด ซึ่งการสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยกรมทางหลวงจะต้องบูรณาการให้คนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูล รวมถึงบูรณาการร่วมกับท้องถิ่นนั้นๆ ที่ได้ทำการก่อสร้าง เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูล อาจจะผ่านทางแอปพลิเคชั่นของกรมทางหลวง นอกจากนี้ สั่งการให้สรุปรายงานในทุกๆ เดือน รวมถึงการบริหารสัญญาจะต้องเป็นไปตามที่กำหนดไม่มีการขยายสัญญาใดใด โดยเอกชนคู่สัญญาจะต้องต้องไม่มีข้ออ้าง ยกเว้นเรื่องที่ได้รับการยกเว้น” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในระหว่างการดำเนินการนั้น ในส่วนการนำวัสดุก่อสร้างเข้าในพื้นที่ จะใช้เวลาในช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ของทุกวัน เพื่อไม่ให้กระทบกับการเดินทางของประชาชน ทั้งนี้ หากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะทำให้สภาพผิวการจราจรมีเพิ่มมากขึ้นและเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยบนถนนพระราม 2 จะมีช่องจราจรไปกลับ 14 ช่องจราจร และบนทางด่วน อีก 6 ช่องจราจร รวมแล้วจะมี ถึง 20 ช่องจราจร

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ทล. ได้ติดตั้งป้ายเตือนตลอดทั้งโครงการบริเวณจุดเข้า-ออกพื้นที่ก่อสร้าง บริเวณจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุดเขตก่อสร้าง ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง และสัญญาณไฟเตือน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้เส้นทาง โดยระหว่างการก่อสร้างผู้ใช้ทางสามารถติดตามสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ (Real Time) ที่แอแพลิเคชั่น Thailand Highway Traffic ได้อีกด้วย

ในส่วนโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35(ถนนพระราม 2) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน- เอกชัย ระยะทาง 11.7 กม. นั้นปัจจุบันมีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็นตอน 1 กม.9+800-กม.13+300 คืบหน้า 72% ตอน 2 กม.13+300-17+400 คืบหน้า 80% และ ตอน 3 กม.17+400-21+500 คืบหน้า 89% คาดว่าโครงการดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2563 นี้

เคลียร์ปัญหาอเตอร์เวย์ “นครปฐม-ชะอำ” … ลุยตั้งงบปี 64 ศึกษา 2 โปรเจ็กต์สายใต้

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายนครปฐม-ชะอำ (M8) ระยะทาง 119 กม. วงเงินลงทุน 79,006 ล้านบาท ขณะนี้ยังติดปัญหาอุปสรรค ในบางเรื่อง พร้อมทั้งปัญหาในแนวเส้นทางบริเวณ จ.เพชรบุรี จึงได้สั่งการให้นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ไปดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จทั้งหมด ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวเส้นทางเพิ่มเติมว่า หากสามารถเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรีและไม่ติดปัญหานั้น ให้เดินหน้าดำเนินการ โดยใช้แนวทางแบ่งการดำเนินการเป็นตอนๆ เพื่อให้เกิดโครงการรวดเร็ว

สำหรับหลักการสร้างมอเตอร์เวย์ในอนาคตนั้น จะต้องบูรณาการร่วมกับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โดยอยู่แนวทางเดียวกัน แบ่งเป็น ทิศเหนือไปทิศใต้ 3 เส้นทาง และแนวทางจากตะวันตกไปตะวันออก 5 เส้นทาง เช่น จ.ตาก กาญจนบุรี ชุมพร ระนอง และสงขลา เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกัน อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวในปี 64 จะใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ เพื่อศึกษาสร้างเป็นแผนแม่บท เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการต่อไป รวมทั้งแนวทางดำเนินการคงจะต้องเป็นรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) เนื่องจากภาครัฐไม่ได้มีงบประมาณ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ในการขนส่งได้

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการส่วนต่อขยายทางยกระดับจากเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 15 กม. วงเงิน 19,000 ล้านบาท ที่จะเชื่อมต่อจากทางยกระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ตอนนี้โครงการดังกล่าวมีความพร้อมทั้งงบประมาณรูปแบบการก่อสร้าง และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โดยโครงการนี้จะใช้งบประมาณจากกองทุนมอเตอร์เวย์มาใช้ในการก่อสร้างใช้เวลาประมาณ 3 ปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าโครงการดังกล่าว จะเสนอมายังกระทรวงคมนาคมภายใน ส.ค. 63 ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้การสัญจรลงภาคใต้สะดวกมากขึ้น

นอกจากนี้ ทล. ยังได้ตั้งงบประมาณปี 64 เพื่อศึกษาการก่อสร้างเส้นทางแนวใหม่ ระยะทางประมาณ 7 กม. บริเวณแยกวังมะนาว จ.เพชรบุรี โดยจะดำเนินการจาก 3 แยกเป็น 4 แยก และปรับปรุงพร้อมทั้งขยายช่องจราจรในเส้นทางแนวเก่าจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร เพื่อแก้ไขปัญหารถติด และแก้ไขปัญหาคอขวด ขณะเดียวกัน ยังสามารถไปเชื่อมต่อกับ ถ.เพชรเกษมได้อีกด้วย