‘คมนาคม’ จ่อชง ครม.สัญจร 21 ม.ค.นี้ เข็น 46 บิ๊กโปรเจ็กต์ปี 64 มูลค่าเกินพันล้าน วงเงินรวม 1.79 แสนล้าน พร้อมดันมอเตอร์เวย์ 2 สายใช้เงินกองทุน TFF

“คมนาคม” จ่อชง ครม. ของบปี 64 ดัน 46 บิ๊กโปรเจ็กต์มูลค่าเกินพันล้าน วงเงิน 1.79 แสนล้าน 21 ม.ค.นี้ พร้อมเดินหน้ามอเตอร์เวย์ 2 สาย เล็งใช้เงิน TFF “ศักดิ์สยาม” ลั่น! หากไม่พอ ลุยระดมทุนใหม่

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการประชุมงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการคลังว่า กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอโครงการในปีงบประมาณ 2564 ที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านบาท จำนวน 46 โครงการ คิดเป็นมูลค่าลงทุนวงเงินรวม 1.79 แสนล้านบาท ซึ่งเตรียมนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ (จังหวัดนราธิวาส) พิจารณาในวันที่ 21 ม.ค.นี้

ทั้งนี้ นายสมคิดได้ให้ข้อเสนอแนะว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ควรพิจารณาขยายโครงข่ายการดำเนินงานไปยังภูมิภาคให้มากขึ้น อาทิ จังหวัดภูเก็ต ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) นั้น ควรจะมีการขยายงานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น ตามที่มีแผนการดำเนินการกำหนดไว้

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ที่มีการระดมทุนวงเงิน 4 หมื่นกว่าล้านบาทนั้น โดยจะนำเงินมาใช้กับ 2 โครงการใหญ่ของ กทพ. ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง และ 2.โครงการก่อสร้างทางด่วนสายเหนือขั้นที่ 3 ช่วง N2 

ขณะเดียวกัน ตามที่โครงการทางด่วน N2 ที่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการประมูลนั้น แต่การใช้เงิน TFF จะต้องเสียดอกเบี้ย จึงควรพิจารณานำเงินที่จะใช้ในส่วนนี้ไปใช้กับโครงการอื่นที่มีผลตอบแทนในการลงทุน เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ช่วงศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิ กับมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำของกรมทางหลวง (ทล.) โดยจะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่า จะใช้การลงทุนรูปแบบใด ระหว่างการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ (PPP) กับ TFF อย่างไรก็ตาม หากเงินในกองทุน TFF ไม่พอนั้น ก็สามารถเปิดระดมทุนใหม่ได้

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าการใช้เงินกองทุน TFF ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้น ควรเป็นโครงการที่ดำเนินงานแล้วเสร็จภายในไม่เกิน 1 ปีครึ่ง เนื่องการระดมทุนจะต้องเสียดอกเบี้ย ขณะที่ ในการประมูลนั้น ควรแบ่งออกเป็นหลายสัญญา คล้ายกับโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว