‘ศักดิ์สยาม’ ย้ำชัด! ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน เดินตามกรอบ RFP-กม. ยันเอกชนต้องรับภาระความเสี่ยง

“ศักดิ์สยาม” ย้ำชัด! ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน เดินตามกรอบ RFP-กม. พร้อมลงนาม 15 ต.ค. 62 ยืนยันไม่มาตามนัดริบหลักประกัน 2 พันล้าน-ส่อแววติด Blacklist ลั่น! “เอกชน” ต้องรับภาระความเสี่ยง หลัง “เจ้าสัว CP” ออกโรงตัดพ้อ ด้าน “อุตตม” นัดหารือคณะอนุกรรมการ 9 ต.ค.นี้

จากกรณีที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ระบุว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่างเอกชนและรัฐบาล แต่กลับมีการผลักภาระให้เอกชนต้องเป็นผู้แบกรับภาระทุกอย่างอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งต้องแบ่งความเสี่ยงร่วมกันนั้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การเจรจาโครงการดังกล่าว ภาครัฐจำเป็นต้องทำตามกรอบข้อเสนอการร่วมลงทุน (Request For Proposal :RFP) รวมถึงหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และกฎหมายไทยอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม CP ได้รับมอบร่างสัญญาไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 เวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา และในขณะนี้ยังไม่มีข้อท้วงติงใดๆ จากเอกชนส่งกลับมา

ทั้งนี้ ตามเอกสาร RFP ข้อ 50.1 ยังระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดที่ตั้งของโครงการฯ สภาพแวดล้อม และรายละเอียดที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการด้วยตนเอง เพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการเตรียมเอกสารข้อเสนอ รวมถึงการเข้าทำสัญญาร่วมลงทุนนี้เมื่อผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการประเมินที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเอกชนคู่สัญญา โดยผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องรับภาระความเสี่ยง รวมทั้งภาระค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพสถานที่ตั้งของโครงการด้วยตนเองทั้งสิ้น

“เรายินดีทำงานร่วมกับเอกชน เพราะเป็นโครงการ PPP แต่ทั้งหมดต้องไปดูเงื่อนไข PPP ว่ารัฐทำอะไรได้บ้าง ถ้าทำอะไรใน RFP ได้ เราทำให้หมด ส่วนเรื่องการมอบพื้นที่ ต้องเอาแผนที่มากางเลยว่า 72% ที่จะส่งมอบมีตรงไหนบ้าง ตรงไหนใครรับผิดชอบ มีงบดำเนินการหรือไม่อย่างไร เพราะในกฎหมายทำได้เท่านั้น ต้องดู RFP เป็นหลัก เกินไม่ได้ ขาดไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เอกชนไม่ได้อ่าน กับโครงการที่มีมูลค่าเป็นแสนล้าน” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า หากในวันที่ 15 ต.ค. 2562 ซึ่งกำหนดเป็นวันลงนามในสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) โดยรายละเอียดใน RFP ข้อ 56.3 นั้น ได้ระบุว่า สำหรับผู้ที่ได้รับคัดเลือก ซึ่งไม่ไปทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนด จะถูกริบหลักประกันซอง (2,000 ล้านบาท) หรือถูกเรียกร้องจากผู้ออกหลักประกันซองทันที และอาจพิจารณาให้ชดใช้ความเสียหายอื่น (ถ้ามี) รวมทั้งอาจพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานตามระเบียบของทางราชการ ทั้งนี้ การคืนหลักประกันซองไม่ว่าในกรณีใดๆ จะคืนให้โดยไม่มีดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม ในวันพุธที่ 9 ต.ค.นี้จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมนัดแรก เพื่อพิจารณาความพร้อมของโครงการดังกล่าว