‘Insure OK’ มั่นใจเลือกวิริยะให้ลูกค้า Option เพียบ!! เบี้ยยืดหยุ่นสูง

อินชัวร์โอเค โบรกเกอร์ เปิดใจเลือกวิริยะให้บริการกับลูกค้า เพราะความเชื่อมั่น สาขาที่มีให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ประกอบกับการเป็นคู่ค้าที่ร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองได้อย่างตรงจุดและโดนใจธุรกิจลูกค้า

นายพงศ์วิพัฒน์ แต่รุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินชัวร์โอเค โบรกเกอร์ จำกัด กล่าวว่า ตนเองอยู่ในวงการ Blogger มานานกว่า 17 ปี ก่อน
ที่จะมาดำเนินธุรกิจและสร้างแบรนด์ “อินชัวร์โอเค” โดยปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจมานาน  9 ปี มีลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งลักษณะการดูแลและให้บริการกับลูกค้าจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยส่วนตัวแล้วตนเองจะให้การดูแลอย่างใกล้ชิด และเวลาที่ลูกค้ามีปัญหาอะไรจะสามารถโทรเข้ามาเพื่อปรึกษา พูดคุยกันได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือเดินทางเข้ามาหาลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหานั้นๆ ซึ่งลูกค้าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ตนเองจะสามารถเข้าไปให้บริการได้อย่างใกล้ชิด ขณะที่ลูกค้าตามจังหวัดจะมีเครือข่ายไว้คอยให้การดูแลและบริการ แต่บางครั้งตนเองได้มีการเดินทางไปเยี่ยมลูกค้าอยู่บ้าง

สำหรับการดูแลลูกค้านั้น ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศทำให้ อินชัวร์โอเค ได้มีการแบ่งทีมงานและพนักงานว่าจะต้องดูแลลูกค้ารูปแบบไหนและอย่างไร เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองจะได้มีการเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าด้วย โดยที่จะไม่ได้ปล่อยให้พนักงานดูแลลูกค้าเพียงอย่างเดียว เพราะบางสิ่งบางอย่างพนักงานจะตัดสินใจไม่ได้ ดังนั้นตนก็จะค่อยเข้าไปให้คำปรึกษาควบคู่กันไป ทั้งนี้เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในอินชัวร์โอเค
เมื่อพูดถึงการร่วมงานกับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือว่าเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันมานาน ซึ่งตนมีความประทับใจในการให้บริการของวิริยะอย่างมาก ประกอบกับรู้จักนิสัยใจกันคอกันเป็นอย่างดี อีกทั้งวิริยะยังได้ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด

ขณะที่ ธุรกิจประกันภัยด้านนอนมอเตอร์ อย่างประกัน carrier นั้นทางอินชัวร์โอเค ได้เลือกให้บริการกับลูกค้าเป็นลำดับต้นๆ แม้ว่าตนเองจะทำงานร่วมกับบริษัทประกันภัยหลายราย ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ส่วนใหญ่เลือกให้ลูกค้าซื้อประกัน carrier กับวิริยะนั้น มองว่าวิริยะมีความแข็งแรง โดยเฉพาะเรื่องของสาขาที่มีการให้บริการซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ ประกอบกับวิริยะและอินชัวร์โอเคได้มีการช่วยกันออกแบบแพคเกจความคุ้ม ครองเพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจของลูกค้า อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของวิริยะยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจากจุดเริ่มต้นของประกันภัย ที่ผลิตภัณฑ์มีรูปแบบ Standard ไม่ได้แตกต่างจากเจ้าอื่น แต่ปัจจุบันวิริยะได้มี Option เพิ่มขึ้นมา มีความคุ้มครองไปถึงเรื่องการขยายอาณาเขต รวมไปถึงความคุ้มครองในด้านอื่นๆ ที่มีมากขึ้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบอดีตและปัจจุบันจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าประกัน carrier นั้น วิริยะมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ขณะที่เบี้ยประกันภัย ซึ่งถือเป็นเรื่อง fixable ของประกันภัย เพราะถ้าเป็นลูกค้าที่ทำธุรกิจมีมาตรฐาน มีความเสี่ยงต่ำ บริษัทประกันภัยเองจะมีการลดหลั่นเรื่องเบี้ยประกันตามมา ซึ่งเป็นไปตามความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ อินชัวร์โอเค ยังได้มีการบอกวิริยะถึงความต้องการของลูกค้าเพื่อให้วิริยะออกแบบความคุ้มครองมาได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เพราะลูกค้าของเราจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละธุรกิจ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าลูกค้าซื้อแล้วแต่ความคุ้มครองที่อยากได้ไม่มี แต่ที่มีไม่อยากได้ นั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ประโยชน์ต่อลูกค้าเลย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นหน้าที่ของโบรกเกอร์ประกันภัยที่ต้องเข้าไปช่วย
“เหตุผลที่ลูกค้าเลือกมาซื้อประกันกับโบรกเกอร์แทนที่จะไปซื้อกับตัวแทนโดยตรงนั้น ตนเองมองว่า ลูกค้าแม้จะสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ประกันได้เองแต่ โบรกเกอร์ประกันภัย ถือเป็นอาชีพหนึ่ง ที่ต้องหาประโยชน์ที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับ และหาผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองของผู้รับประกันภัยให้แมทชิ่งกัน และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะบางครั้งลูกค้าไปพบเจ้าเดียว แต่สำหรับโบรกเกอร์เองนั้นจะรู้จักลูกค้าบริษัทประกันภัยในหลายบริษัทซึ่งทำให้สามารถที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเปรียบเทียบราคา และเซอร์วิชที่ลูกค้าจะได้รับ”

ขณะเดียวกัน โบรกเกอร์ประกันภัยเอง ต้องมีหัวใจบริการและมี service ที่ดีไม่ใช่เป็นเพียงผู้ขายประกันและทำหน้าที่เก็บเบี้ยเพียงอย่างเดียว ซึ่งตนเองนั้นเป็นคน ที่มี  Service Mind ดังนั้นจึงมีการบอกกับลูกน้องตลอดว่า เวลาขายประกันภัยไม่ใช่ จ้องที่จะเก็บแต่เบี้ยของลูกค้า กินค่าคอมมิชชั่น แต่หน้าที่สำคัญของเรา คือต้องให้บริการและดูแลลูกค้าพร้อมกับเป็นที่ปรึกษาที่ดี

ลูกค้าของเราที่ทำประกันภัยกับวิริยะ ทั้งหมดล้วนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิริยะ ได้มี Option การให้บริการที่ดีและมีการพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่แฮปปี้ และถ้าพูดถึงเรื่องบริการ เรื่องของการจ่ายสินไหม ถือว่าวิริยะทำได้ดีเพราะไม่ว่าจะมีปัญหาติดขัดอะไรวิริยะสามารถให้คำตอบ และช่วยแก้ไขปัญหาได้ทันที ส่งผลให้ลูกค้าสามารถดำเนินการต่อไปได้

นายพงศ์วิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการขนส่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นจึงเกิดความเสี่ยงตามมา ดังนั้น ผู้เอาประกันภัย เข้าใจว่าจากนี้ไปจะต้องเริ่มป้องกันความเสี่ยงตัวเอง ขณะที่ทุกที่ก็ทำหมดโดยเฉพาะคนที่เป็นมืออาชีพ ทำธุรกิจเรื่องโลจิสติกส์ ไม่มีใครปฏิเสธเลยว่าประกันขนส่งไม่ต้องทำ ประกันแคริเออร์ไม่มี ซึ่งเหมือนกับเป็น Auto automatic เพราะถ้าทำธุรกิจเรื่องโลจิสติกส์จะต้องทำประกัน เพราะการซื้อประกันเป็นการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งตัวมูลค่าสินค้าที่ลูกค้าเขาให้เราขนส่ง ซึ่งพอมันอยู่ในรถเราแล้วมันกลายเป็นความรับผิดของเรา เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเรื่องร้ายขึ้นมา ก็จะมีประกันภัยเข้ามา support  ซึ่งถือเป็นการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ