คปภ. เดินหน้าปรับกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ใช้ e-Policy เพิ่มความสะดวก–รวดเร็ว มีผล 1 มกราคม 2569

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 66/2568 เรื่อง ให้ใช้แบบและข้อความตารางกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ การออกและส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว โปร่งใส และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล

โดยภายใต้คำสั่งดังกล่าว กำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องจัดทำและออกกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยสามารถรับกรมธรรม์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถแสดงหลักฐานการมีประกันภัยได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการลดปัญหาเอกสารสูญหาย ชำรุด หรือหาไม่เจอ เมื่อต้องการเคลมประกันภัย เป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้ทันสมัยและสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของเทคโนโลยีในระดับประเทศ โดยธุรกิจประกันภัยได้เตรียมความพร้อมแบบเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี หรือการส่งมอบข้อมูล ซึ่งทำให้สามารถรองรับการเปลี่ยนผ่านจากการออกกรมธรรม์ประกันภัย ในรูปแบบกระดาษสู่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) ได้อย่างราบรื่น

การขับเคลื่อนกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) นับเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยที่ก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ของตนเองได้ง่ายขึ้น สามารถตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ ความคุ้มครอง รวมถึงวันหมดอายุของกรมธรรม์ได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ในขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกระทบสิทธิประโยชน์ของประชาชนหรือผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการให้เท่าทันกับยุคสมัย เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว โปร่งใส และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเป็นการอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลการมีกรมธรรม์ประกันกันภัยของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้การชำระภาษีรถประจำปีกับกรมการขนส่งทางบก รวมถึงการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากรถของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงาน สามารถตรวจสอบได้จากนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ www.oic.or.th

นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวยังสอดรับกับนโยบายภาครัฐในการพัฒนาระบบบริหารการจัดการข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยเพิ่มความโปร่งใส ลดภาระงานเอกสารของประชาชน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลด Carbon Footprint ตามแนวทาง Net Zero และสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐสามารถเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับผู้ให้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้กระบวนการให้ บริการด้านประกันภัยมีความรวดเร็ว ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาระบบประกันภัยไทย ให้ก้าวทันโลกดิจิทัล และนำไปสู่ความเป็นธรรม และการคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน