‘พิพัฒน์‘ ปรับโปรเจกต์ทางด่วน ’กะทู้-ป่าตอง‘ 1.67 หมื่นล้าน จ่อโอนให้ ทล. สร้างแทน หวังให้ ปชช. ใช้ฟรี เตรียมชง ครม. ไฟเขียวภายใน พ.ย.นี้
“พิพัฒน์” รื้อโปรเจกต์ทางด่วน “กะทู้-ป่าตอง” จ.ภูเก็ต มูลค่า 1.67 หมื่นล้าน เปลี่ยนแผนโอนให้ ทล. ดูแลแทน กทพ. พร้อมลดไซส์อุโมงค์เหลือ 10 เมตร ช่วยเซฟงบ-ปลอดภัยกว่าตามหลักวิศวกรรม-เปิดให้ประชาชนใช้ฟรี ยันไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เล็งหารือสภาพัฒน์ฯ คาดได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอ ครม. ภายใน พ.ย. 68 ยันเกิดขึ้นจริงในรัฐบาลนี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทางพิเศษระยะที่ 1 ช่วงกะทู้–ป่าตอง จังหวัดภูเก็ตว่า โครงการดังกล่าว เดิมอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งออกแบบให้เป็นทางพิเศษ (ทางด่วน) และเก็บค่าผ่านทาง แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายชัดเจนในการลดภาระค่าครองชีพประชาชน จึงได้มอบหมายให้ปรับรูปแบบโครงการใหม่ โดยโอนความรับผิดชอบมาอยู่ภายใต้กรมทางหลวง (ทล.) และเปลี่ยนรูปแบบให้เป็น “ทางหลวงทั่วไป” ซึ่งจะมีการไม่เก็บค่าผ่านทาง

สำหรับการปรับโครงสร้างการบริหารและรูปแบบการก่อสร้างในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้โครงการเดินหน้าได้จริงภายในกรอบเวลาที่กำหนด พร้อมตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะชาวภูเก็ตที่จะได้ใช้ถนนที่ดี ปลอดภัย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งการโอนโครงการมาอยู่ในความดูแลของ ทล. จึงเป็นการยืนยันว่า จะไม่มีการเก็บค่าผ่านทาง และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนโดยตรง
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับขนาดอุโมงค์จากเดิมที่ออกแบบไว้เส้นผ่านศูนย์กลาง 17 เมตร เหลือ 10 เมตร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ งบประมาณ และมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรม โดยฝ่ายวิศวกรรมมีความเห็นว่า ขนาดอุโมงค์เดิมมีความเสี่ยงด้านโครงสร้างสูง เนื่องจากต้องใช้ผนังรับแรงขนาดใหญ่และหนามาก การปรับลดเหลือ 10 เมตรจึงปลอดภัยกว่า และช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับการปรับขนาดอุโมงค์ใหม่นี้ อาจไม่มีช่องทางแยกเฉพาะสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยมีแนวคิดให้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ใช้ช่องทางเดียวกัน พร้อมมาตรการความปลอดภัยควบคู่ เนื่องจากอุโมงค์มีระยะทางเพียงประมาณ 1.85 กิโลเมตร (กม.) เท่านั้น ทำให้โครงการนี้จะมี 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ) ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่า การปรับลดขนาดอุโมงค์จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเพิ่มเติมจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เดิม เพราะโครงสร้างและพื้นที่ก่อสร้างลดลง ทำให้ผลกระทบโดยรวมยิ่งน้อยลง
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเรื่องไปหารือและเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการฯ โดยจะใช้ผลการศึกษาเดิมของ กทพ. เป็นฐานข้อมูลหลัก และปรับเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับขนาดอุโมงค์และรูปแบบการดำเนินงานเท่านั้น คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า โดยตั้งเป้านำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน พ.ย. 2568 เพื่อให้โครงการสามารถเริ่มต้นได้โดยเร็ว และต้องทำให้เกิดขึ้นได้จริงในรัฐบาลนี้ ภายใต้เป้าหมายชัดเจนของรัฐบาลที่จะผลักดันให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อจังหวัดภูเก็ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) ช่วงกะทู้–ป่าตอง ระยะที่ 1 ระยะทางรวม 3.98 กม. งบประมาณรวม 16,757 ล้านบาท แบ่งเป็นงบก่อสร้าง 10,965 ล้านบาท และงบเวนคืน 5,792 ล้านบาท โดยที่ประชุม ครม. ได้มีมติอนุมัติโครงการเมื่อ ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน จัดหาผู้ควบคุมงาน และผู้รับจ้างก่อสร้าง ขณะนี้ กทพ. ได้เวนคืนที่ดินแล้วราว 75% และเตรียมเริ่มก่อสร้างใน เม.ย. 2569 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน มี.ค. 2573 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการได้ใน เม.ย. 2573
สำหรับแนวเส้นทางของโครงการฯ เริ่มต้นที่ตำบลป่าตอง บริเวณจุดตัดถนนพระเมตตา ก่อสร้างเป็นทางยกระดับและอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง (รถยนต์ 2 ช่อง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่อง) เริ่มจากทางยกระดับข้ามถนนพิศิษฐ์กรณีย์ถึงเขานาคเกิด ระยะทาง 0.9 กม. จากนั้นเป็นอุโมงค์คู่ลอดเทือกเขานาคเกิดระยะทาง 1.85 กม. และเป็นทางยกระดับอีก 1.23 กม. สิ้นสุดที่ตำบลกะทู้ บริเวณจุดตัดกับถนนพระบารมี (ทางหลวงหมายเลข 4029) ทั้งนี้ โครงการทางด่วน กะทู้-ป่าตอง ถือเป็นหนึ่งในโครงการคมนาคมสำคัญของจังหวัดภูเก็ตที่รอการผลักดันมานานกว่า 20 ปี เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดระหว่างอำเภอกะทู้กับป่าตอง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของจังหวัด
