SME D Bank ชี้ดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี Q4/68 พุ่ง รับอานิสงส์นโยบายรัฐ–ท่องเที่ยวไฮซีซั่น

SME D Bank โดย “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.” และสำนักวิจัยเศรษฐกิจและประเมินผล บริษัท เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเม้นท์ จำกัด เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเอสเอ็มอี คาดการณ์ไตรมาส 4/2568 ขยายตัวจากไตรมาส 3/2568 รับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติในช่วงไฮซีซั่น โดย SME D Bank พร้อมหนุนพาผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุน ดอกเบี้ยต่ำพิเศษคงที่ 3% ต่อปี ตลอด 3 ปีแรก คว้าโอกาสเติบโตได้เต็มศักยภาพ

นายพิชิต  มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า  SME D Bank โดย “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.” ร่วมกับสำนักวิจัยเศรษฐกิจและประเมินผล บริษัท เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเม้นท์ จำกัด ทำการสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ไตรมาส 3/2568 และคาดการณ์อนาคต” จากกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม จำนวน 500 ราย พบว่า ภาพรวมคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส 4/68 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีมุมมองต่อแนวโน้มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไตรมาส 4/68 เพิ่มขึ้นเป็น 80.6 จากไตรมาสก่อน (3/2568 ระดับ 67.1) เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ผ่านนโยบายภาครัฐที่เชื่อว่าจะมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ผลักดันให้เกิดการลงทุนและขยายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ภาคการท่องเที่ยวที่มีความเชื่อมั่นขยายตัวต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ช่วยให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไตรมาส 4/68 ปรับเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค โดยภาคตะวันตกสูงสุดที่ 90.0 รองลงมา กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 86.9 และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 81.8 และดัชนียังเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทุกประเภทธุรกิจ โดยเฉพาะ บริการท่องเที่ยว การผลิต และก่อสร้าง สะท้อนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจช่วงปลายปี 2568

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไตรมาส 3/68 อยู่ระดับ 67.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน (2/2568 ระดับ 57.3) เนื่องจากได้แรงส่งจากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง ปี 68” ส่งผลให้จำนวนคำสั่งซื้อ/การให้บริการ และผลประกอบการขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อย (Micro) มีความเชื่อมั่นสูงขึ้นกว่ากลุ่มอื่น เพราะได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อภายในประเทศ เกิดการกระจายรายได้สู่กลุ่ม Micro มากขึ้น สอดคล้องกับธุรกิจ บริการท่องเที่ยว ที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับสาขาอื่น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังมีความกังวลเรื่องการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูก จากจีน เวียดนาม และอินเดีย กระทบต่อการดำเนินธุรกิจจากการถูกแย่งส่วนแบ่งตลาด และต้องลดราคาสินค้า เพื่อแข่งขัน

สำหรับความต้องการกู้สินเชื่อ SMEs ในไตรมาส 4/68 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  ทั้งความต้องการกู้สินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและเพื่อลงทุนในธุรกิจ ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่า 42.2% เพิ่มขึ้นจาก 21.2% ในไตรมาสก่อน โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว มีความต้องการกู้เพิ่มขึ้นมากที่สุด ชี้ให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการฟื้นตัวของช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เช่นเดียวกับกลุ่ม Micro ที่ต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น

นายพิชิต กล่าวเสริมว่า จากความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีดังกล่าว  SME D Bank พร้อมให้การสนับสนุน โดยจัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อตามนโยบายรัฐบาล ไว้สนับสนุนเอสเอ็มอีทุกกลุ่ม โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว นำไปลงทุน ขยาย ปรับปรุง รองรับการท่องเที่ยวไฮซีซั่น เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติอย่างมีประสิทธิภาพ         คว้าโอกาสให้กับธุรกิจเติบโตได้เต็มศักยภาพ ผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษคงที่ 3% ต่อปี ตลอด 3 ปีแรก ได้แก่ 1.สินเชื่อ  “ปลุกพลัง SME”  วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท 2.สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท และ 3.สินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME”  วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ควบคู่บริการด้านการพัฒนาครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ช่วยเสริมแกร่งใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม.

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรับการสนับสนุนด้านการเงินและการพัฒนา สามารถแจ้งความประสงค์ได้ ณ สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357