กทท. ผนึกกำลัง ขบ. ใช้ Big Data ขับเคลื่อนการขนส่งอัจฉริยะ

“การท่าเรือฯ” ผนึกกำลัง “ขนส่งทางบกฯ” ดึง Big Data ขับเคลื่อนการขนส่งอัจฉริยะ ลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย สร้างมาตรฐานใหม่โลจิสติกส์ไทย

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และ ขบ. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลหน่วยงานรัฐ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนภารกิจด้านการแบ่งปันข้อมูลทางทะเบียนยานพาหนะ ข้อมูลใบอนุญาตผู้ประจำรถ และข้อมูลระบบบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (DLT GPS) ของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ เพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์สาเหตุและปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่การท่าเรือฯ และเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานโดยเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้การท่าเรือฯ หาแนวทางการแก้ไขผลกระทบที่เกิดจากปัญหาการจราจรบริเวณเขตท่าเรือ

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว จะมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน อีกทั้งการท่าเรือฯ จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการขนส่งสินค้า ข้อมูลการบรรทุกสินค้าที่อยู่ในความควบคุม กำกับของการท่าเรือฯ ข้อมูลจำนวนรถบรรทุก ข้อมูลทะเบียนรถ ลักษณะและประเภทของสินค้าที่ผ่านท่าเรือทุกแห่งภายในประเทศเพื่อประโยชน์ในการดำเนินภารกิจหลักของกรมการขนส่งทางบกในการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของประเทศ และถือเป็นการดำเนินการ เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินและการให้บริการประชาชนและเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนต่อไป

สำหรับการลงนามในความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการต่อยอดและขยายขอบเขตกรอบการบูรณาการด้านข้อมูล ได้แก่ การติดตามการเดินรถของรถบรรทุกขนส่งสินค้าในบริเวณพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลแนวทางในการแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณท่าเรือ อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศ โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยและกรมการขนส่งทางบก เล็งเห็นถึงความสำคัญของข้อมูลที่จะสามารถนำมาปรับใช้กับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งหวังว่าความร่วมมือกันในวันนี้จะเป็นการช่วยยกระดับและพัฒนาด้านระบบการขนส่งสินค้าของประเทศไทยต่อไป

​ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ไทยด้วยการใช้ประโยชน์จาก Big Data เพื่อขับเคลื่อนการทำงานภาครัฐสู่ยุคดิจิทัล โดยการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการยานพาหนะที่เข้า-ออกเขตท่าเรือ สามารถตรวจสอบ ควบคุม ลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ท่าเรือได้อย่างเป็นระบบ ทั้งหมดนี้จะสร้างประโยชน์โดยตรงต่อผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการท่าเรือและระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน

สำหรับภายใต้บันทึกข้อตกลงครั้งนี้ กทท. และ ขบ. ได้กำหนดแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลที่สำคัญร่วมกัน ทั้งข้อมูลทะเบียนยานพาหนะ ใบอนุญาตผู้ขับรถ ข้อมูลการเดินทางจากระบบ GPS ตลอดจนข้อมูลด้านการขนส่งสินค้า อาทิ ปริมาณการบรรทุก ประเภทสินค้า จำนวนรถบรรทุกที่เข้าใช้บริการท่าเรือ ทั้งหมดนี้เพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบ ควบคุม และบริหารจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งนำไปวิเคราะห์เพื่อกำหนดมาตรการด้านการขนส่งที่รัดกุมและทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังร่วมกันส่งเสริมบุคลากรในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบ การวิเคราะห์ และการประมวลผลข้อมูล รวมถึงการพัฒนาเทคนิคในการติดตามและกำกับดูแลยานพาหนะ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายสอดคล้องตามนโยบายของรัฐ พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการ ภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

อย่างไรก็ตาม การลงนาม MOU ครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สะท้อนบทบาทสำคัญของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในฐานะกลไกหลักที่ช่วยยกระดับระบบโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการขนส่ง เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน