‘DHL eCommerce’ เน้นบริการคุณภาพ!! สู่ผู้นำอีคอมเมิร์ซโลจิสติกส์

“DHL eCommerce Solutions” ไม่หวั่น ธุรกิจจัดส่งด่วนในประเทศแข่งเดือด!! มั่นใจจุดแข็งความเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลก คุณภาพมาตรฐานสากล แต่ราคาเข้าถึงได้ สามารถครองใจผู้ใช้บริการได้ทุกกลุ่ม ชี้ตลาดยังมีการขยายตัว ผู้เล่นมากขึ้นไม่เป็นปัญหา ชูบริการที่เหนือกว่า พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งเครือข่ายจุดบริการรับ-ส่งพัสดุ DHL Service Points และด้านเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่หนึ่งในผู้นำอีคอมเมิร์ซโลจิสติกส์ ช้อปปิ้งออนไลน์ทวีความร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์และขนส่งร้อนแรงตาม บรรดาผู้เล่นในตลาดทั้งไทยและต่างชาติต่างงัดกลยุทธ์เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างเต็มกำลัง เช่นเดียวกับ DHL eCommerce Solutions ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนแบรนด์ไฮเอนด์ ในเครือ Deutsche Post DHL Group ผู้นำด้านโลจิสติกส์ของโลก ก็ไม่พลาดที่จะสร้างจุดขายและจุดแข็ง ด้วยการตอกย้ำคุณภาพเป็นสำคัญ
DHL eCommerce Solutionsได้เข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2559 ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภายในประเทศ รวมถึงบริการจัดส่งพัสดุระหว่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ภายใต้การบริหารงานของ นายเกียรติชัย พิตรปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายเกียรติชัย เปิดเผยกับ “TRANSPORT” ถึงการให้บริการของ DHL eCommerce Solutions ว่าขอบข่ายการให้บริการคือการจัดส่งสินค้าภายในประเทศแบบครบวงจร ด้วยเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ สามารถให้บริการทั้งแบบ Next day หรือ การจัดส่งพัสดุถึงมือผู้รับในวันถัดไป และบริการแบบ Same day หรือการให้บริการจัดส่งพัสดุแบบเร่งด่วนภายในวันเดียวกันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงการให้บริการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าปลายทางที่มีคุณภาพดีที่สุดในตลาด ซึ่งเป็นการเพิ่มตัวเลือกในด้านการใช้บริการให้กับลูกค้า อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
DHL eCommerce Solutions เน้นเรื่องคุณภาพในการให้บริการ และมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก พร้อมฝ่ายบริการลูกค้าที่คอยให้ความช่วยเหลือผ่านฮอตไลน์ นอกจากนี้บริษัทยังมีจุดให้บริการรับส่งพัสดุหรือ DHL Service Points  มากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ  รวมไปถึงการให้บริการรับสินค้าถึงที่ (pick-up service) สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด เพื่อความสะดวกของผู้ใช้บริการ  DHL eCommerce Solutions เป็นธุรกิจน้องใหม่ของกลุ่มบริษัท DHL ที่เกิดขึ้นจากแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัท โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซโลจิสติกส์ หลังจากที่เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2559 ลูกค้าได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยผลประกอบการของบริษัทโตเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งในช่วง 2 ปีแรก ธุรกิจเติบโตหลายเท่าตัวและมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องตามกระแสตลาดอีคอมเมิร์ซที่ยังมีโอกาสที่จะโตอีกหลายเท่า ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งเติบโตตามเช่นกัน ปัจจุบันสัดส่วนการซื้อขายออนไลน์ในไทยนับเป็นเพียง 2% จากยอดค้าปลีกทั้งระบบ ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ธุรกิจอีคอมเมิร์ชจะมีส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกประมาณ 20% ดังนั้นถือว่าเป็นโอกาสของผู้ประกอบการด้านอีคอมเมิร์ซโลจิสติกส์ในประเทศไทยที่จะยังเห็นการเจริญเติบโตของธุรกิจไปด้วยเช่นกัน เป็นเรื่องปกติของตลาดที่มีการเจริญเติบโตสูงที่จะมีผู้ให้บริการหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด ทั้งผู้ประกอบการของไทยและบริษัทข้ามชาติ โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศที่มีเงินทุนหนาต่างก็พาเหรดกันเข้ามาเปิดให้บริการ แน่นอนว่าการแข่งขันของผู้ให้บริการย่อมดุเดือด ใครแกร่งกว่า คือ ผู้อยู่รอดในธุรกิจนี้ต่อเรื่องนี้ นายเกียรติชัย ให้ความเห็นว่า แม้จะมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา แต่มั่นใจว่า DHL eCommerce Solutions ยังคงมีเอกลักษณ์ ความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการที่สมกับการเป็นบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจในตลาดตลอดจนความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายและประโยชน์มากกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งในปีนี้นอกจากจะยังคงเน้นเรื่องความเหนือกว่าด้านการบริการแล้ว บริษัทจะมุ่งสร้างเครือข่ายการจัดส่งให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการ เช่น การขยายเครือข่ายจุดบริการรับ-ส่งพัสดุ DHL Service Points การพัฒนาระบบการใช้งานเพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย และให้ความสะดวกแก่ลูกค้ามากขึ้น
“ลูกค้าทั่วไปมักจะมีความเชื่อว่า DHL eCommerce Solutions เป็นบริษัทที่ให้บริการระดับพรีเมี่ยมและน่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ราคาของเราอยู่ในระดับที่แข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวประกอบกับการให้บริการที่เหนือกว่า ทำให้บริษัทของเราได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วถึงแม้จะเปิดบริการมาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” นายเกียรติชัย กล่าวและย้ำว่า DHL eCommerce Solutions  มีจุดเด่นที่คุณภาพ แต่ในขณะเดียวกัน ราคาอยู่ในระดับที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ ในปัจจุบันอาจจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีข้อเสนอด้านราคาที่ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของตลาด แต่ผู้ประกอบการควรพิจารณาในด้านคุณภาพด้วย เนื่องจากในธุรกิจออนไลน์ การจัดส่งที่ขาดคุณภาพ มีปัญหา เป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่ผู้ซื้อเปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างง่ายดายเนื่องจากมีตัวเลือกในตลาดอยู่มาก ดังนั้นคุณภาพการจัดส่งเป็นปัจจัยที่กำหนดประสบการณ์โดยรวมของการช้อปปิ้งออนไลน์ที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง
เมื่อถามถึงหัวใจสำคัญของธุรกิจการจัดส่งพัสดุด่วน ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด นายเกียรติชัย สะท้อนว่า การให้บริการที่มีคุณภาพสามารถทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าจากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ความสะดวก รวดเร็วในการจัดส่ง การเข้าถึงข้อมูลด้านการติดตามสถานะของสินค้าของลูกค้า การให้บริการโดยพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพ มารยาทดี แต่งกายสุภาพ ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี สามารถแก้ไขปัญหาและให้คำแนะนำกับลูกค้าได้ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้การซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจนี้สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่องตามศักยภาพของตลาดในระยะยาว